ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุด (13 ก.ค. 58) ที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 3,959 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 29 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 159 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 3,180 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 330 ล้านลูกบาศก์เมตร
เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 100 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 11 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 57 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 44 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 5 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 41 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้ง 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 587 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับในพื้นที่ที่ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในการผลิตน้ำประปา โดยเฉพาะใน จ.ลพบุรีนั้น ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ต่ำกว่าระดับปากคลองส่งน้ำชัยนาท-ป่าสัก ทำให้น้ำไม่สามารถไหลเข้าคลองได้ กรมชลประทาน โดยสำนักชลประทานที่ 10 จึงได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่คลองชัยนาท-ป่าสัก พร้อมระดมเครื่องจักรเครื่องมือเข้าไปเปิดทางน้ำให้น้ำไหลเข้าคลองส่งน้ำสะดวกมากขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังขอความร่วมมือจากพื้นที่ต้นคลองให้งดสูบน้ำ เพื่อให้ปริมาณน้ำไหลลงสู่พื้นที่ตอนล่าง ให้สามารถสูบน้ำผลิตน้ำประปาได้ตามปกติ วอนทุกภาคส่วนร่วมมือกันใช้น้ำอย่างประหยัด ร่วมใจกันฝ่าวิกฤตภัยแล้งในปีนี้ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี