โดย คปก.เห็นว่า กฎหมายยาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดที่มีอยู่ในปัจจุบันล้าสมัย ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน จึงเสนอให้มีการทบทวนกฎหมายให้สามารถแก้ไขปัญหาผู้เสพยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ข้อเสนอแนะให้ยึดถือหลักการที่ว่าผู้ติดยาคือผู้ป่วยที่ต้องได้รับการบำบัดรักษา มิใช่ผู้กระทำผิดที่ต้องได้รับโทษ
"คปก.ได้เสนอให้ยกเลิกขั้นตอนการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยว่าเสพยาเสพติดระหว่างการตรวจพิสูจน์สารเสพติดที่กฎหมายปัจจุบันกำหนดให้ควบคุมตัวได้นานถึง 45 วัน เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
คปก.เห็นว่า กฎหมายจะต้องนำหลักการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดมาบังคับใช้อย่างจริงจัง ซึ่งในกรณีที่ผู้เสพหรือผู้ติดยาเสพติดเป็นผู้ต้องหาหรืออยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดีในความผิดฐานอื่นอยู่ด้วย บุคคลดังกล่าวก็ควรที่จะได้รับการบำบัดรักษาโดยวิธีการทางการแพทย์
นอกจากนี้ คปก.ยังได้เสนอให้มีการทบทวนและกำหนดบทลงโทษใหม่ให้มีความสอดคล้อง เหมาะสมและได้สัดส่วนกับลักษณะของความผิด เนื่องจากการแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยกำหนดโทษหนักรุนแรงไม่ช่วยแก้ไขให้ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดหรือทำให้จำนวนผู้กระทำความผิดลดลงเลย อีกทั้งยังส่งผลต่อทัศนคติของสังคมที่มีต่อผู้เสพยาในด้านลบ ทำให้สังคมทอดทิ้งผู้ติดยา
"คปก.เสนอให้การกระทำความผิดฐานเสพหรือครอบครองเพื่อเสพไม่มีโทษทางอาญา แต่ควรนำมาตรการทางเลือกอื่นๆ มาใช้แทน เช่น การลดอันตรายจากการใช้ยาเสพติด (Harm Reduction) การคุมประพฤติ การบำบัดรักษา การให้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เป็นต้น" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
ทั้งนี้ คปก.เห็นว่า รัฐต้องให้ความสำคัญและการสนับสนุนการดำเนินงานด้านการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดอย่างมีมาตรฐาน เท่าเทียม และทั่วถึง โดยให้สอดคล้องกับกฎหมายด้านการบริการสาธารณสุขของประชาชนทั่วไป ภายใต้หลักการ “ผู้ติดยา คือ ผู้ป่วย" เพื่อมุ่งให้ผู้เสพและผู้ติดยาเสพติดสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมตามปกติได้