สำหรับวันนี้ อาการดีขึ้น แต่ยังให้อยู่ในห้องแยก และจะเก็บตัวอย่างเสมหะในลำคอส่งตรวจซ้ำครั้งที่ 2 เพื่อความมั่นใจ ส่วนชายรายที่ 2 ที่เป็นเพื่อนกัน อาการปกติ แต่ยังคงให้พักอยู่ในโรงพยาบาลระยองต่อเพื่อความสะดวกของผู้ป่วย
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เป็นมาตรการการเฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ประชาชนอย่าตระหนก และควรปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และโทรสอบถามข้อมูลข้อเท็จจริงทางสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
อนึ่ง เมื่อวานนี้พบผู้ป่วยเพศชาย อายุ 26 ปี ในจ.ระยอง เข้ามาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลด้วยอาการไอ เจ็บคอ และมีน้ำมูก ซึ่งแพทย์ได้รับไว้สังเกตุอาการและตรวจวินิจฉัยในห้องแยกโรคของโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ป่วยไม่มีประวัติเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง แต่มีเพื่อน 3 คนที่เพิ่งเดินทางกลับจากเกาหลีใต้มาเยี่ยม
นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และของสถาบันบำราศนราดูร ไม่พบการติดเชื้อโรคเมอร์ส เป็นเพียงโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช3เอ็น2 (H3N2) ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล อยู่ระหว่างการดูแลรักษาของแพทย์จนกว่าจะหายป่วย
ส่วนเพื่อนที่เดินทางมาจากเกาหลี และมีข่าวเสียชีวิตที่จังหวัดอุบลราชธานีนั้น ขณะนี้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี และทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วอยู่ระหว่างติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยในเบื้องต้นได้ตรวจสอบไปยังโรงพยาบาลในจังหวัด ไม่พบว่ามีผู้เสียชีวิตที่สงสัยดังกล่าว
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคเมอร์สมาจากต่างประเทศ และสามารถควบคุมได้ดี ไม่มีการติดต่อหรือระบาดในประเทศไทยแต่อย่างใด แต่ยังคงระบบการเฝ้าระวังป้องกันโรคอย่างเข้มข้นเต็มที่ทุกแห่ง ซึ่งทำให้กระทรวงสาธารณสุข ยังคงมีรายงานผู้เดินทางที่มีอาการและต้องดำเนินการสอบสวนโรคทุกวัน
กรณีการพบผู้ป่วยที่จังหวัดระยองเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบว่าเมื่อใดที่มีกรณีผู้เข้าข่ายสอบสวน ไม่ว่าจะเดินทางมาจากพื้นที่ติดโรค หรือสัมผัสกับผู้ป่วยที่เดินทางจากพื้นที่ติดโรค แล้วมีอาการไข้หวัด ไอ จะมีการตรวจวินิจฉัยและแยกบริเวณในการดูแลเป็นการเฉพาะไม่ปะปนกับผู้อื่น และต้องได้รับการวินิจฉัยสาเหตุที่แน่ชัดโดยเร็ว ขณะเดียวกันจะติดตามผู้ที่สัมผัสกับผู้ที่เข้าข่ายสอบสวน เพื่อสังเกตอาการต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค จนกว่าจะทราบผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการว่าไม่ติดเชื้อเมอร์ส
นพ.รัชตะ ยังแสดงความชื่นชมแพทย์พยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยรายนี้ ที่มีความละเอียดในการซักประวัติผู้ป่วยและมีมาตรการแยกผู้ป่วยที่รัดกุมรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ข่าวสารที่ออกทางสื่ออิเลคทรอนิกส์หลายแหล่งมีความคลาดเลื่อนอยู่มาก เช่น ข่าวปิดโรงพยาบาล เป็นต้น อาจทำให้ประชาชนทั่วไปตื่นตระหนกไม่เป็นผลดีต่อประเทศ ขอให้ประชาชนอย่าตระหนกและติดตามข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องได้ที่เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค หรือสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วน 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
และขอย้ำว่าประชาชนที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ ประเทศแถบตะวันออกกลาง หรือประเทศเกาหลีใต้ และมีอาการไข้ ไอ หรือเจ็บคอ ควรสวมใส่หน้ากากอนามัย และโทรศัพท์แจ้ง 1669 หรือ 1422 เพื่อให้โรงพยาบาลจัดรถไปรับป้องกันการแพร่กระจายของโรค