"บริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์มีรถโดยสารนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่และรถตู้โดยสารนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ในช่วงฤดูท่องเที่ยวมากกว่า 1,000 คันต่อวัน มีการจอดรถรับ-ส่งนักท่องเที่ยวไม่เป็นระเบียบ จอดกีดขวางการจราจร และทำให้เกิดปัญหาการจราจร เกิดมลพิษทางอากาศและเสียง อีกทั้งก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนโดยรอบพื้นที่ซึ่งอาจทำให้โบราณสถานอันมีค่าของประเทศชำรุดทรุดโทรมเร็วมากขึ้น" นายสัญญา ชีนิมิตร ปลัด กทม.กล่าว
นายสัญญา กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศในด้านศิลปะ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรม โดยนิตยสาร Travel & Leisure ซึ่งเผยแพร่ทางเว็บไซต์ CNN ของสหรัฐอเมริการะบุว่า พระบรมมหาราชวังของไทยติดอันดับ 3 ของสถานที่ท่องเที่ยวของโลก มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมชมมากกว่า 8 ล้านคนต่อปี ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 5-10 ในปีต่อๆ ไปอย่างต่อเนื่อง และจะเพิ่มมากขึ้นหลังเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ทั้งนี้ กทม.ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และเพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โบราณสถาน ตลอดจนการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นระบบและสามารถพัฒนาสู่ความยั่งยืนต่อไป จึงได้ประสานความร่วมมือกับ บขส.ในการจัดพื้นที่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(ปิ่นเกล้า) จำนวน 8 ไร่ ให้เป็นสถานที่จอดรถโดยสารรับ-ส่งนักท่องเที่ยวที่เหมาะสม และพัฒนาการบริการการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานครบวงจรทั้งด้านความสะดวก สะอาด และความปลอดภัย อีกทั้งเป็นไปตามนโยบายการจัดระเบียบรถโดยสารนักท่องเที่ยวและทางเท้าในกรุงเทพฯ ของนายกรัฐมนตรี รมว.มหาดไทย และผู้ว่าฯ กทม. เพื่อทำให้ กทม.เป็นเมืองน่าอยู่
โดยตามข้อตกลงดังกล่าว กทม.จะดำเนินการพัฒนาปรับปรุงทางเข้า-ออก ไฟฟ้าแสงสว่าง ติดตั้งระบบโทรทัศน์วงจรปิด(CCTV) รักษาความสะอาด จัดทำท่าเทียบเรือ จัดการเดินเรือ จัดรถ Shuttle Bus ให้มีมาตรฐานทั้งด้านความสะดวกและปลอดภัย และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมบริเวณโดยรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้(ปิ่นเกล้า) ภายใต้บังคับของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วน บขส.จะดำเนินการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่อาคารภายในบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(ปิ่นเกล้า) และบริหารจัดการรถโดยสารที่เข้ามาใช้บริการรวมทั้งพัฒนาพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างเพียงพอพร้อมรองรับการใช้บริการของนักท่องเที่ยว ปัจจุบันมีรถโดยสารนักท่องเที่ยวเข้าไปจอดภายในสถานีขนส่งปิ่นเกล้าแบบหมุนเวียนประมาณ 300-400 คันต่อวัน
นายสัญญา กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ตำรวจในการร่วมกันจัดระเบียบรถโดยสารนักท่องเที่ยว รวมถึงกวดขันไม่ให้มีการจอดรถโดยสารท่องเที่ยวในที่ห้ามจอดบริเวณถนนสายหลัก เช่น ถนนราชดำเนิน ซึ่งจากการดำเนินการเบื้องต้นมากว่า 2 เดือนพบว่ารถโดยสารนักท่องเที่ยวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้ปัญหาการจราจรโดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์เบาบางลง และในอนาคต กทม.จะพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ โดยเชื่อมโยงการเดินทางจากท่าเรือสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(ปิ่นเกล้า) ไปตามคลองบางกอกน้อยขึ้นที่ท่าเทียบเรือท่าช้างหรือท่าเทียบเรือราชินี และส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำโดยจะมีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยว 3 ตลาดน้ำในพื้นที่ฝั่งธนบุรี ได้แก่ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ตลาดน้ำตลิ่งชัน และตลาดน้ำวัดสะพานต่อไปด้วย