พล.ต.ร.ต.สิรบุญ กล่าวว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา น.ท.สราวุธ บุตรเสรีชัย นำกำลังทหารนาวิกโยธินที่ 182 ลาดตะเวนตามปกติ พบรถยนต์ต้องสงสัยขับขึ้นมาจากหาดสารพัดพิษอย่างรวดเร็ว และได้ยินเสียงเรือยนต์หางยาววิ่งออกไป จึงสั่งการให้ทหารนาวิกโยธินเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ พบอาวุธสงครามจำนวนมากกองอยู่ที่ชายหาดสารพัดพิษ จึงนำมาตรวจสอบพบเป็นอาวุธสงคราม ประกอบด้วย M16 A1 จำนวน 8 กระบอก M16 A1 มีเฉพาะชุดโครงนำลูกเลื่อน 1 ชุด ปืนจานกล RPD จำนวน 2 กระบอก M79 จำนวน 1 กระบอก RPG -7 จำนวน 1 กระบอก ซองบรรจุกระสุน M16 (ขนาดบรรจุ 30 นั) จำนวน 9 ซอง ซองกระสุน M16 (ขนาดบรรจุ 20 นัด) จำนวน 3 ซอง ซองบรรจุกระสุน อาก้า จำนวน 1 ซอง จานบรรจุกระสุนปืนกล RPD จำนวน 2 จาน กระสุนชนิด AK-47 ขนาด 7.62 มม. จำนวน 3,240 นัด
อาวุธสงครามจำนวนนี้ ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า มีการนำไปขายที่ภาคใต้หรือไม่ แต่การค้าอาวุธสงครามจำนวนมากขนาดนี้ไม่น่าเป็นเรื่องที่เป็นปกติ ซึ่งมีการนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทางทหารยังต้องทำการตรวจสอบหมายเลขและทะเบียน ซึ่งคนร้ายที่มีการขนอาวุธมาครั้งนี้เป็นคนไทยที่มีส่วนร่วม และรถยนต์ที่ขับหนีออกไปนั้นทางทหารนาวิกโยธินตราดจะได้ติดตามต่อไป
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาไม่มีการนำอาวุธสงครามเข้ามาในพื้นที่จ.ตราดมานาน ซึ่งช่องทางที่นำเข้ามาในครั้งนี้ มาทางเรือและนำมาขึ้นทางบกและมีการขนย้ายไปยังผู้สั่งซื้อที่ยังไม่ทราบว่า จะนำไปให้กลุ่มใดและยังไม่รู้ว่ามีการเชื่อมโยงกับภาคใต้หรือที่อื่นหรือไม่ ซึ่งเมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้ได้ให้ทางหน่วยทหารในพื้นที่ ทำการเข้มงวดตรวจสอบและลาดตะเวนให้มีความถี่ขึ้น รวมทั้งพื้นที่ทางทะเลที่ติดต่อกันเนื่องจากทางทะเลจะเป็นจุดเสี่ยงและมีเรือเข้าออกจำนวนมากในแต่ละวัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีทหารกัมพูชา นำอาวุธสงครามเข้ามายังพื้นที่ในจ.ตราด และถูกทางตำรวจจับกุมได้มาแล้วเมื่อปี 2557 ซึ่งยอมรับว่าจะนำมาส่งให้ผู้รับซื้อในจ.ตราด