การจับกุมผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ ต้องตรวจสอบจากพาสปอร์ต ซึ่งต้องพิสูจน์สัญชาติก่อน และอยากให้ประเทศต้นทางต้องมาชี้แจงว่าเป็นพาสปอร์ตจริงหรือไม่ ถ้าเป็นฉบับจริงแล้วออกมาได้อย่างไร แต่จากการตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พบว่ามีความผิด เพราะตรงกับคนร้ายที่จับกุมได้ที่อพาร์ตเมนท์ ซึ่งต้องสอบต่อไปว่าใครเกี่ยวข้อง ไม่ใช่ว่าประเทศกับประเทศมีปัญหากัน
ส่วนกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปประเทศจีน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ได้มอบหมายให้ไปพูดคุยเรื่องอุยกูร์ ซึ่งพล.อ.ประวิตร บอกแล้วว่าจะไม่คุยหากทางการจีนไม่คุย และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับจีน ถือว่าเป็นปัญหาของเรา บางเรื่องอาจเป็นปัญหาระหว่างประเทศก็จะพูดแต่คนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น และที่ผ่านมาก็ไม่เคยพูดว่าเป็นคนพวกไหน
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทางการจีนไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องอุยกูร์ เพราะไม่ได้เกี่ยวกับเขา ส่วนกรณีที่อุยกูร์บางกลุ่มอาจเคยเคลื่อนไหวในประเทศจีนนั้น ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าเป็นอุยกูร์ที่ไหน ส่วนการจับกุมผู้ต้องสงสัยคนที่ 3 ที่ จ.นราธิวาส นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็จับมาโยงคนไหนก็จะจับเรื่อยๆ
สำหรับกรณีที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ระบุว่า จะมีการปรับโครงสร้างความมั่นคงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปรับปรุงอุปกรณ์เทคโนโลยีตรวจคนเข้าเมืองไม่ถือว่าเป็นการปรับโครงสร้าง แต่เป็นการพัฒนา เพราะถ้าปรับโครงสร้างความมั่นคง คือการยุบสมช.ตั้งกระทรวง แต่แค่นี้เป็นการพัฒนาเครื่องมือว่าสมบูรณ์หรือไม่
"ที่ผ่านมาเป็นเบี้ยหัวแตก แต่ไปเสียในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง พอจะมีการซื้อเครื่องมือก็บอกว่าแพง และกังวลว่าจะมีการทุจริตเกิดขึ้น ส่วนเรื่องบูรณาการงานด้านความมั่นคงนั้นได้ดำเนินการมา 2 ปีแล้ว" นายกรัฐมนตรี กล่าว