ด้านพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวว่า ผู้ต้องสงสัย 2 รายที่ถูกควบคุมตัวอยู่นั้น ขณะนี้ยังอยู่ในการพิสูจน์พยานหลักฐานหลายด้านจึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าทั้ง 2 ผู้ต้องสงสัยเป็นผู้วางระเบิด รวมถึงการสอบสวนที่อยู่ในการควบคุมตัวของฝ่ายทหารตามมาตรา 44 นั้นก็สามารถที่จะขยายเวลาเกินไปกว่า 7 วันได้
ส่วนสาเหตุของการวางระเบิดนั้นเบื้องต้นตนเองเชื่อมาจากกลุ่มที่เสียประโยชน์จากขบวนการค้ามนุษย์ หลังจากรัฐบาลมีนโยบายปราบปรามปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังในช่วงที่ผ่านมา แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆทิ้ง จนกว่าจะได้ผลการพิสูจน์พยานหลักฐานที่ชัดเจน และจนถึงขณะนี้สาเหตุของการวางระเบิดดังกล่าวยังไม่เข้าองค์ประกอบของการก่อการร้าย
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กล่าวว่า ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหากพบว่าเจ้าหน้าที่คนใดปล่อยปละละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเรียกรับผลประโยชน์ ก็ต้องถูกดำเนินการตามวินัยอาญาแรงร้ายอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับการย้ายเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสระแก้วมาปฏิบัติงานที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ในการสอบสวนของสำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ
ส่วนผู้ต้องสงสัย 2 รายที่ถูกควบคุมตัวไว้นั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนซักถามของฝ่ายทหาร และการพิสูจน์พยานหลักฐานให้ครบถ้วน รวมถึงการตรวจสอบดีเอ็นเอที่คาดว่าจะออกผลได้ภายใน 2-3 วันนี้ เบื้องต้นยืนยันแน่ชัดว่าทั้ง 2 คนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องของสัญชาติยังไม่มีการยืนยัน เนื่องจากต้องรอการตอบกลับจากประเทศนั้นๆที่ได้ทำการประสานไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเอกสารสูตรการประกอบระเบิดที่ตรวจพบการจากเข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่สระแก้วนั้น เบื้องต้นยืนยันได้ว่าเป็นสูตรการประกอบระเบิดอย่างแน่นอน แต่จะเป็นในลักษณะหรือชนิดใดต้องรอผลจากผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง
สำหรับกรณีของ น.ส.วรรณา สวนสัน และนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ ได้ติดต่อกลับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านทางสังคมออนไลน์ เพื่อเดินทางกลับเข้ามาให้ข้อมูลที่ประเทศไทยนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะเดินทางกลับมาเมื่อใด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 รายอยู่ที่ประเทศตุรกี แต่ได้ประสานไปยังตำรวจสากล สำหรับเอกสารการออกหมายจับ รูปถ่าย เพื่อช่วยเหลือในการตรวจสอบแล้ว ส่วนในเรื่องการเดินทางกลับมายังประเทศไทย ตนเองก็จะขอความอนุเคราะห์ไปยัง บมจ.การบินไทย(THAI) ให้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว
โฆษก สตช.กล่าวว่า หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่กล่าวถึงชื่อประเทศ ชื่อกลุ่ม รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับศาสนาและลัทธิต่างๆ เนื่องจากจะไปกระทบกับประเด็นอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้