"การตรวจค้นพบระเบิดในห้อง 412 และ 414 ที่พูลอนันต์อพาร์ตเม้นท์ อาเด็มมีสารระเบิดจากเสื้อผ้าที่พบในห้องพัก และมี DNA และลายนิ้วมือของคนอื่นร่วมด้วย เช่น ยูซุฟู เราจึงไม่มีเหตุผลจะทำอย่างนั้น การจะไปสร้างภาพให้หลงทางถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ตัวจริง เพราะหลักฐานอย่างอื่นยังมีอีกไม่รู้ตั้งกี่คน ก็ต้องมายันกันอยู่ดีในที่สุด และถ้าทางมาเลเซียมี ก็ต้องมายันกันอีก ไม่สามารถสร้างหลักฐานข้ามประเทศได้ ก็เป็นแนวทางของผู้ต้องหา ไม่เป็นไร" พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวทางสถานีโทรทัศน์เช้านี้
ส่วนกรณีที่นายอาเด็มเป็นคนจีนอุยกูร์ที่ได้สัญชาติตุรกีนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังส่งพาสปอร์ตเล่มที่เขาใช้แสดงตนไปตรวจสอบกับตุรกี แต่เท่าที่ดูด้วยตาเปล่า ให้ล่ามดู ตัวอักษรบางตัวก็เขียนผิด สันนิษฐานว่าเป็นพาสปอร์ตปลอม เพราะนายอาเด็มเคยบอกว่าเป็นสัญชาติตุรกี แต่ไม่เคยบอกว่าเชื้อชาติอุยกูร์
โฆษก สตช.กล่าวว่า ตามที่ทนายความบอกว่า นายอาเด็มเดินทางจากตุรกีเข้าเวียดนามไปทำพาสปอร์ตปลอมที่นั่น แล้วเข้าลาว เข้าไทยเมื่อ 21 ส.ค.58 หลังเกิดระเบิดแล้ว ข้อมูลที่ตำรวจมีอยู่ก็คล้ายๆ กัน แต่ไม่ตรงกัน ถ้าเป็นตุรกีจริงทำไมต้องมาทำพาสปอร์ตปลอมที่เวียดนาม เพราะในเมื่อต้องมีพาสปอร์ตตุรกีอยู่แล้ว
โฆษก สตช.ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาตำรวจยัดของกลาง เพราะของกลางมีเยอะมาก ถ้ายัดของกลางทำไมในตัวของอาเด็มจึงมีสารประกอบระเบิดด้วย และจากการพิมพ์ลายนิ้วมือกับดีเอ็นเอของยูซุฟูก็มีอยู่ในห้อง 414 ด้วย
"ไม่พลิก อย่าไปตื่นเต้น อย่าไปให้น้ำหนัก เดี๋ยวจะว่อกแว่ก ที่เรากำลังจะได้ตัวอย่างอื่นมา จะมายืนยันได้" พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว
ส่วนกรณีสถานทูตตุรกีออกแถลงการณ์และทำหนังสือยื่นมาถึงกระทรวงการต่างประเทศว่า การให้ข่าวของตนเองว่าได้ประสานกับทางการตุรกีทราบว่า นายอิซานออกจากไทยแล้วไปไหนนั้น ทางการตุรกีบอกว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยนั้น ตนเองไม่ได้ประสานกับทางการตุรกี แต่ประสานกับสถานทูตบังคลาเทศที่ให้ข้อมูลว่าจากบังคลาเทศก็เดินทางไปเดลี จากเดลีไปอาบูดาบี และไปตุรกีให้ข้อมูลเป็นเอกสารมาเลย แต่เอกสารจากตุรกีคือเรื่องของการตรวจสอบพาสปอร์ต เรากำลังนัดหมายเพื่อจะถามว่านายอิซานอยู่ในตุรกีหรือเปล่า เพราะมีหลักฐานไฟล์ทบินที่ไป เพื่อขอให้ตรวจสอบให้ด้วย
โฆษก สตช.กล่าวว่า คดีนี้มีความเชื่อมโยงกับการลักลอบนำคนเข้าเมืองและส่งไปประเทศที่สาม ซึ่งที่ตำรวจพบก็ไม่ใช่ชาวอุยกูร์อย่างเดียว มีหลายสัญชาติที่แปลงไปประเทศที่ 3 พวกนี้มีค่าใช้จ่ายต่อหัวเป็นแสน พอเราไปตัดขั้นตอนก็ทำให้รายได้หายไป
"กลุ่มที่ดำเนินการธุรกิจแบบนี้โยงใยอยู่ในประเทศไทยและมีประเทศอื่นด้วย ซึ่งมีผลประโยชน์พอสมควร แต่เราไปตัดขั้นตอน ไปทำลายระบบเขา เขาก็โกรธ" พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าว
ด้านนายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเด็ม คาราดัค หนึ่งในผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดย่านราชประสงค์และท่าเรือสาทร เผยที่ผ่านมาจะรับทำคดีให้กับคนตุรกีที่ถูกจับในคดีใช้บัตรเครดิตปลอมเป็นจำนวนมาก จึงได้รับการร้องขอจากเพื่อนชาวตุรกีที่ทางสถานทูตตุรกีประจำประเทศไทยจัดส่งมาทำหน้าที่เป็นล่ามในศาลให้มาช่วยตรวจสอบว่าผู้ต้องหาเป็นคนตุรกีจริงหรือไม่ เนื่องจากสงสัยว่าคนตุรกีไม่น่าจะเข้ามาก่อเหตุลอบวางระเบิด
"ผมทำคดีให้กับคนตุรกี(เกี่ยวกับบัตรเครดิตปลอม)เป็นส่วนใหญ่ เพื่อนชาวตุรกีที่เป็นล่ามในศาลสงสัยว่าคนตุรกีไม่เคยมาก่อคดีประเภทนี้ เขาเลยให้ผมเข้าไปตรวจสอบดูว่าคนแรกที่โดนจับเป็นคนตุรกีหรือไม่" นายชูชาติ กล่าว
นายชูชาติ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ นายอาเด็ม คาราดัค ได้เล่าให้ตนเองฟังว่าเป็นชาวอุยกูร์ที่มีภูมิลำเนาอยู่ทางตอนเหนือ และครอบครัวได้อพยพเข้าไปอยู่ในประเทศตุรกีตั้งแต่ปี 2547 จนได้สัญชาติตุรกีแล้ว แต่ถ้าอยู่ในประเทศตุรกีไม่ถึง 20 ปีจะไม่สามารถทำพาสปอร์ตได้ ขณะที่นายบินลาเติร์กต้องการเดินทางมาหางานทำในเอเชียใต้จึงติดต่อผ่านนายหน้า โดยใช้พาสสปอร์ตปลอมเดินทางมายังประเทศเวียดนามเมื่อกลางเดือน เม.ย.58 พักอยู่ 60 วัน หลังจากนั้นได้ทำพาสสปอร์ตปลอมเล่มใหม่ใช้ชื่อนายอาเด็ม คาราดัค เพื่อเดินทางต่อมาพักที่ประเทศลาวอีก 35 วัน ก่อนเดินทางเข้าไทยมาพักที่พูลอนันต์อพาร์ตเม้นท์เมื่อวันที่ 21 ส.ค.58 โดยมีจุดหมายที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งตนเองจะนำคำให้การดังกล่าวจัดทำเอกสารเป็นภาษาอังกฤษเพื่อส่งให้ทางสถานทูตตุรกีฯ ตรวจสอบในวันที่ 18 ก.ย.นี้
นายชูชาติ กล่าวว่า ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นพูลอนันต์อพาร์ทเม้นท์แล้วจับกุมตัวนายอาเด็มได้ในห้องพักไม่มีสารประกอบระเบิด แต่ตรวจค้นพบจากห้องอื่น
"สิ่งที่เขาบอกมา ผมไม่ได้เชื่อทั้งหมด ผมต้องค้นหาความจริงต่อไป ถ้าเขามีความผิดก็ต้องรับโทษ" นายชูชาติ กล่าว