ส่วนการติดตามตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีก 15 คนนั้น ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ มั่นใจว่า จะต้องติดตามตัวคนร้ายให้ได้ รวมถึงการติดตามตัวนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว และนายซูแบร์ อับดุลลาห์ ชายเสื้อฟ้าที่ก่อเหตุที่ท่าน้ำสาทร ทั้งนี้จากการสืบสวนสอบสวนเป็นไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลหรือรูปพรรณสัณฐานที่ชัดเจน แต่ก็เชื่อมั่นในฝีมือของพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ที่จะมาเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าจะสามารถจับกุมกลุ่มคนร้ายได้
ขณะที่การติดตามผู้ต้องหานั้น จะสืบจากวัตถุพยานที่พบจากที่เกิดเหตุ โดยคดีระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าน้ำสาทร ตำรวจได้ติดตามจากฝักแค ตัวจุดชนวนระเบิด โดยดูจากเหตุการณ์ที่มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งที่ผ่านมาเคยพบว่าบางกลุ่มของผู้ก่อความไม่สงบที่ภาคใต้มักจะใช้ฝักแคในลักษณะนี้ ส่วนตัวระเบิดที่ราชประสงค์ ตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดหม้อแขก เป็นลักษณะระเบิดที่พบว่ามีการใช้น้อยมาก และมีความแตกต่างกับเหตุการณ์อื่น จึงอาจจะนำไปสู่การค้นหาตัวผู้ต้องหาได้
รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวในโอกาสเกษียณอายุราชการในวันนี้ว่าตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งไม่รู้สึกเสียดายอะไร เพราะได้ทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว ทุกอย่างได้รับความร่วมมือจากข้าราชการตำรวจ ผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยดี งานที่ได้ทำมาทั้งหมดถูกใจ แต่อาจจะมีบางเรื่องที่จะต้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไปสานต่อ ทั้งนี้ในเรื่องของเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อมาช่วยสนับสนุนการทำงาน
หลังจากนี้ จะเป็นพลเรือนเต็มตัวแล้ว และได้มีการเตรียมความพร้อมที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุราชการมานานพอสมควร อาจจะเริ่มทำธุรกิจอย่างเต็มตัวหรือลงทุนร่วมกับเพื่อนๆ ที่เป็นนักธุรกิจ ทั้งเรื่องการพัฒนาที่ดิน หรือเรื่องอสังหาริมทรัพย์ หรือร้านอาหาร และจะร่วมทำกิจกรรมทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตมีคุณค่า
ส่วนการตัดสินใจว่าจะลงเล่นการเมืองหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ และเร็วเกินไปที่จะตอบในขณะนี้ หากทุกอย่างลงตัว เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ก็อาจจะลงเล่นการเมือง แต่หากไม่เกิดประโยชน์ก็จะไม่เล่น โดยคำนึงว่าทุกอย่างต้องมีความลงตัวด้วยเช่นกัน
ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยืนยัน จะสานงานต่อจาก พล.ต.อ.สมยศทุกเรื่อง ทั้งในเรื่องการสร้างโรงพยาบาล 3 จังหวัดชายแดนใต้ การจัดหาอาวุธปืน พร้อมขอสัญญาจะนำพาสำนักงานตำรวจแห่งชาติก้าวไปข้างหน้าอย่างมีศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับของประชาชน