ขณะที่ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวใน 8 เดือนของปีนี้อยู่ที่ 20.10 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 15.45 ล้านคน โดยเฉพาะเดือนส.ค.58 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 2.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 24.72% จาก 2.08 ล้านคนในเดือน ส.ค.57 เป็นผลจากหน่วยงานต่างๆของกระทรวงฯ โรดโชว์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในหลายประเทศ อาทิ โคลัมเบีย รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ เวียดนาม เพื่อต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวไฮซีซั่นโดยเน้นการนำเสนอสินค้าท่องเที่ยวไทยที่มีคุณภาพ และสร้างกลุ่มนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ เช่น ที่ญี่ปุ่นไทยได้เน้นจุดแคมเปญเพิ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มผู้หญิง "Lady Journey in Thailand" Package นอกจากผู้หญิงแล้วยังจะเพิ่มนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกีฬาด้วย เช่น นำเสนอเส้นทาง วิ่งใหม่ "World Heritage Marathon" วิ่งผ่านเส้นทางมรดกโลก สุโขทัย อยุธยา เขาใหญ่ เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Sport Tourism เป้าหมายหนึ่งด้านยุทธศาสตร์การกีฬา เช่น นักท่องเที่ยวจีนสนใจที่จะมาวิ่ง และสัมผัสประสบการณ์ในแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ
สำหรับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มจากปีที่แล้ว 1.2 ล้านคนเป็น 1.3 ล้านคน สูงเป็นอันดับ 3 ที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยปีนี้ รองจากจีนและมาเลเซีย นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมีคุณภาพ ใช้จ่ายเงินดี เฉลี่ยวันพำนักในไทย 7.7 วัน ส่วนนักท่องเที่ยวไทยไปญี่ปุ่นประมาณ 7000,000 คน โดยยุทธศาสตร์จะเน้นการท่องเที่ยวเชื่อมเมืองใหญ่กับเมืองรอง 12 เมืองต้องห้ามพลาด สู่ท่องเที่ยวชุมชน ที่สำคัญเน้นการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศจากการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น เชื่อมโยงการท่องเที่ยวท้องถิ่นกับเศรษฐกิจของประเทศ โดยนำสินค้าในท้องถิ่นมาสร้างจุดขาย ให้เกิดรายได้ และสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวอย่างสูงสุด
"ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มสูงขึ้นรับช่วงไฮซีซั่น แสดงให้เห็นถึง ยอดจองตั๋วและการจองที่พักเข้าสู่ภาวะปกติด้านช่วงก่อนเกิดเหตุที่ราชประสงค์แล้ว"
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ได้เร่งให้ดำเนินการเรื่องการสร้างจุดช็อปปิ้งให้นักท่องเที่ยวในปั๊มน้ำมัน 150 แห่ง ทั่วประเทศ ในเส้นทางที่มีศักยภาพ 8 กลุ่ม ตามแผนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย พศ 2558-2560 โดยกลยุทธ์ล่าสุดที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คิดขึ้นเพื่อมุ่งหวังให้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางในประเทศ 170 ล้านคนครั้ง ซึ่งก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 700,000 ล้านบาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายของที่ระลึก 26% หรือเท่ากับ 128,000 ล้านบาท และค่าอาหาร 30% เป็นเงิน 210,000 ล้านบาท จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 20% จากเดิม พร้อมเดินหน้าคู่ขนานกับการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนทุกฝ่าย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการช็อปปิ้ง และการท่องเที่ยวสร้างรายได้สินค้าและของที่ระลึก และกระจายรายได้ลงสู่ชุมชน เปิดโอกาสให้เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่น ได้นำเสนอสินค้าที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่นนั้น โดยจะมีการพัฒนารูปแบบของสินค้านำเสนอพร้อมเรื่องราวให้มีเสน่ห์ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยว
สำหรับภาคการกีฬาในวันพรุ่งนี้ (2 ต.ค.58) จะมีเทนนิสรายการสำคัญ “Back to Thailand “Nadal VS Djokovic" ณ อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก เพื่อร่วมสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวทั่วโลก