จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2558 ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2558 จากด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศในสนามบิน 4 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ภูเก็ต นราธิวาส และหาดใหญ่ มีผู้เดินทางกลับจากแสวงบุญ รวม 5,867 คน มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังโรคเมอร์ส รับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล 85 คน ส่งตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังไม่พบรายใดติดเชื้อไวรัสเมอร์ส ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ภายหลังกลับไปที่บ้าน ได้ให้มิสเตอร์ฮัจญ์และอาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่ ติดตามเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 30 วัน
ทั้งนี้ ในการป้องกันโรคเมอร์ส ขอให้ประชาชนกินร้อน ช้อนกลาง หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่เสมอ ส่วนผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศตะวันออกกลางภายใน 14 วัน หากมีไข้ ไอ เจ็บคอ หรือหายใจลำบาก ให้ใส่หน้ากากอนามัยและไปโรงพยาบาล และแจ้งประวัติการเดินทางให้แพทย์ทราบ
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า มาตรการเฝ้าระวังโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส ว่า กระทรวงสาธารณสุขยังคงเข้มมาตรการเฝ้าระวังผู้เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีรายงานผู้ป่วยโรคเมอร์สทุกวัน ได้กำหนดมาตรการ เฝ้าระวัง ป้องกันโรคเมอร์สใน 3 ส่วน คือ ที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ในโรงพยาบาล และในชุมชน โดยเพิ่มความเข้มข้นในผู้กลับจากแสวงบุญฮัจญ์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งในปีนี้มีจำนวน 10,400 คน ทยอยเดินทางกลับตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2558 และจะสิ้นสุดเที่ยวสุดท้ายในวันที่ 26 ตุลาคม 2558
โดยที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศ ได้จัดพื้นที่ตรวจคัดกรองผู้เดินทางที่ช่องทางเข้าออกประเทศ จัดเตรียมความพร้อมทั้งเอกสารความรู้ ขอความร่วมมือสายการบินประกาศแจ้งผู้โดยสารบนเครื่องบิน กรอกแบบสอบถามด้านสุขภาพ และตรวจวัดไข้ทุกราย กรณีพบสงสัยป่วย จะนำส่งโรงพยาบาลที่กำหนดไว้ดูแลเป็นการเฉพาะ ในโรงพยาบาลได้เตรียมพร้อมความรู้ ทักษะในการดูแลผู้ป่วย ห้องแยกโรค ห้องตรวจทางห้องปฏิบัติการ ส่วนมาตรการในชุมชน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคใน 53 จังหวัดที่มีผู้กลับจากแสวงบุญ จะมีมิสเตอร์ฮัจญ์(Mr.HAJJ) ติดตามดูแลแนะนำการดูแลสุขภาพและตรวจสุขภาพให้ผู้แสวงบุญภายใน 30 วันหลังเดินทางกลับ