รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า อยากให้ประชาชนทุกคนเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าจะนำสิ่งที่ดีเข้ามาสู่พื้นที่ จึงขอให้ผู้ค้าทุกคนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในวันนี้ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย โดยกรุงเทพมหานครจะทยอยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ผู้ค้าได้ย้ายออกไปจากพื้นที่แล้วซึ่งมีกว่า 50% และจะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งนี้ กทม.มีความจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำที่สาธารณะบริเวณคลองโอ่งอ่างตามแนวทางของประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 44 ซึ่งผู้ที่รุกล้ำที่สาธารณะถือว่ามีความผิด โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา กทม.ได้ปิดประกาศฯ แจ้งให้เจ้าของอาคารและแผงค้าที่ก่อสร้างอาคาร สิ่งปลูกสร้าง และแผงค้ารุกล้ำพื้นที่สาธารณะบริเวณริมคลองโอ่งอ่างรับทราบและรื้อย้ายอาคาร สิ่งปลูกสร้าง และแผงค้าของตนออกภายใน 15 วัน คือ ภายในวันที่ 13 ต.ค.58 เมื่อครบกำหนดแล้วผู้ค้ายังไม่รื้อย้ายอาคาร สิ่งปลูกสร้าง และแผงค้าของตน กทม.จะดำเนินการตามขั้นตอนซึ่งมีระยะเวลาเตรียมการ 7 วัน จากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเริ่มรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.เป็นต้นไป
ด้าน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม.ได้เริ่มรื้อถอนบริเวณสะพานภานุพันธ์(ฝั่งสะพานหัน)เป็นจุดแรก ซึ่งกทม.ได้เข้ามาสำรวจแล้วพบว่าผู้ค้าได้ทำการย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่หมดแล้ว เหลือเพียงโครงเหล็ก ไม้ และสังกะสี หากผู้ค้าต้องการวัสดุดังกล่าวคืนให้ไปติดต่อขอรับได้ที่สำนักงานเขตพระนคร
ส่วนจุดที่ผู้ค้าได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคำขอผ่อนผันขยายเวลา กทม.จะนำข้อเรียกร้องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการจัดระเบียบและปรับภูมิทัศน์บริเวณคลองโอ่งอ่างซึ่งจะมีหลายหน่วยงานร่วมในที่ประชุม เพื่อหาข้อสรุปว่าจะสามารถผ่อนผันตามที่ผู้ค้ายื่นขอได้หรือไม่ในวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.) เวลา 14.00 น.
สำหรับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง กทม.จะทยอยในพื้นที่ที่ผู้ค้าได้ย้ายออกไปก่อน ซึ่งมีกว่า 200 ราย ส่วนอาคารหรือร้านค้าที่ผู้ค้ายังไม่ทำการย้ายออก กทม.จะยังไม่ดำเนินการ ซึ่งหากผู้ค้าทั้งหมด จำนวน 500 ราย ย้ายออกจากพื้นที่คาดว่าจะใช้เวลาในการรื้อถอนไม่เกิน 7 วัน และเมื่อรื้อถอนเสร็จ กทม.จะปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ดังกล่าวให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ อีกทั้งในอนาคตกทม.มีแนวทางที่จะปรับปรุงให้คลองโอ่งอ่างเป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำเพิ่มเติมต่อไป
ขณะที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้กล่าวถึงกรณีที่ กทม.เตรียมรื้อถอนร้านค้าและสิ่งปลูกสร้างย่านคลองโอ่งอ่าง สะพานเหล็กว่า ถึงเวลาที่บ้านเมืองของเราจะต้องทำอะไรที่ถูกต้อง และสะพานเหล็กก็ถือเป็นพื้นที่ริมคลองสาธารณะที่ต้องใช้ระบายน้ำ การที่จะไปยึดครองเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่ได้มีเพียงสะพานเหล็กที่เดียว ซึ่งหาก กทม.เพิกเฉยและปล่อยให้เทศกิจเข้าไปหาผลประโยชน์ก็ต้องรับโทษ ดังนั้นการจัดระเบียบก็จำเป็นต้องดำเนินการ