เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร ได้ใช้อำนาจตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 เรียกตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องมาเพื่อสอบถามข้อมูลและควบคุมตัวไว้ ซึ่งจากการซักถามพบว่ามีมูลกระทำความผิดจริง จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตาม ป.อาญา มาตรา 112
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จึงมีคำสั่งที่ 578/2558 ลงวันที่ 16 ต.ค.58 แตั้งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้า และ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. เป็นรองหัวหน้า กับพวกร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหาร ทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อได้ว่า กลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดรวม 3 คน ประกอบด้วย
1.นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ อายุ 53 ปี หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 27/2558 ลงวันที่ 18 ต.ค.58 ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์
2.นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ อายุ 39 ปี หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 30/2558 ลงวันที่ 21ต.ค.58 ข้อหา ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์
3.พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา อายุ 44 ปี หมายจับศาลทหารกรุงเทพที่ 29/2558 ลงวันที่ 20 ต.ค.58 ข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง, มีใช้ซึ่งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และตั้งวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต, ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอาม, ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์
พนักงานสอบสวนจึงได้ขออนุมัติศาลทหารกรุงเทพ และศาลได้อนุมัติออกหมายจับบุคคลดังกล่าว ดำเนินคดีตามกฎหมาย และวันนี้ได้ครบกำหนดควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทหารได้ส่งตัวบุคคลดังกล่าวมอบให้พนักงานสอบสวน จึงได้แจ้งข้อหาและจับกุมตัวผู้ต้องหาดำเนินคดี
ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหา นายสุริยัน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่เหลือให้การปฏิเสธ หลังจากสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนจะยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลทหารกรุงเทพในวันเดียวกัน โดยหากปรากฎพยานหลักฐานการกระทำความผิดในคดีอื่นๆ จะได้ทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป