ผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นทำให้พี่น้องประชาชน ธุรกิจต่าง ๆ ต่างเดือดร้อนและเสียหายไปทั่ว มูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท เช่น สายการบิน การท่องเที่ยว รวมทั้งสุขภาพอนามัยของประชาชนที่เจ็บป่วยต้องเข้ารับการรักษาตัวในคลินิค ในโรงพยาบาล หรือต้องซื้อหยูกยา หน้ากากมาป้องกันตนเอง รวมทั้งภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้กับชาวบ้านหลายร้อยล้านบาท ทั้งการฉีดพ่นละอองน้ำ การแจกหน้ากาก การรักษาพยาบาลในหน่วยบริการสาธารณสุขของรัฐ ฯลฯ
เหตุและผลที่เกิดขึ้นต้องถือเป็น “พิบัติภัย" ที่รัฐบาลไม่ควรนิ่งเฉยต่อกรณีดังกล่าว อย่ามัวเกี้ยะเซี้ย คอยลูบหน้าปะจมูกซึ่งกันและกันโดยอ้างมิตรภาพของประเทศในอาเซียนอีกต่อไป รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติควรลงจากหอคอยงาช้าง มาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างจริงจังได้แล้ว โดยเร่งใช้กฎหมายระหว่างประเทศ และสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีร่วมกันในกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อกดดัน ประท้วงหรือบอยคอต และนำปัญหาขึ้นฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนหรือค่าเสียหายให้กับคนไทย ธุรกิจไทยที่ต้องมาเสียหายจากปัญหาหมอกควันพิษที่มีต้นเหตุมาจากประเทศอินโดนีเซียเป็นการเร่งด่วน เพื่อไม่ให้กรณีเยี่ยงนี้เป็นบทเรียนที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยไม่มีใครรับผิดชอบต่อความเสียหายของชาวบ้านหรือคนไทยอีกต่อไป