นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยถึงสถานการณ์หมอกควันจากไฟป่าบนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ที่พัดปกคลุมในพื้นที่หลายจังหวัดของภาคใต้ ว่า สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ปริมาณฝุ่นละอองลดลง เนื่องจากมีฝนตกในพื้นที่ และกระแสลมเปลี่ยนทิศ ซึ่งจากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศ กับกรมควบคุมมลพิษ ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2558 พบว่า คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) มีค่าระหว่าง 64 - 156 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ และปริมาณฝุ่นละอองลดลงกว่าวันที่ผ่านมา ซึ่งมี 5 จังหวัดปริมาณฝุ่นละอองส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยสงขลา มีปริมาณฝุ่นละอองสูงสุด ค่า PM10 156 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รองลงมา ได้แก่ ปัตตานี มีค่า PM10 139 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นราธิวาส มีค่า PM10 132 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สตูล มีค่า PM10 128 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และยะลา มีค่า PM10 128 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
นายฉัตรชัย กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคใต้ จึงได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้เร่งแก้ไขปัญหาหมอกควันอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยดำเนินมาตรการคุมเข้มการเผา และขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาขยะ เศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อมิให้สถานการณ์หมอกควันวิกฤตมากขึ้น รวมถึงระดมรถดับเพลิงหอน้ำพร้อมบันไดสูง 35 เมตร เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว และ ชุดเผชิญเหตุสถานการณ์วิกฤติ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคใต้ โดยฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณหมอกควันฝุ่นละอองในอากาศ
นอกจากนี้ ได้ประสานกระทรวงสาธารณสุขจัดหาหน้ากากอนามัยแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงผลกระทบของหมอกควันต่อสุขภาพอนามัย เพื่อจะได้ป้องกันและดูแลตนเองอย่างถูกต้อง โดยให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน เพราะจะสูดดมฝุ่นละอองจำนวนมากเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว หากเจ็บป่วยจะมีอาการรุนแรงกว่าปกติ รวมถึงใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัย ปิดปากและจมูก เพื่อป้องกันการสูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย