ทั้งนี้ ขอความร่วมมือหน่วยงานที่ให้บริการน้ำประปาทั้งส่วนกลางและภูมิภาค องค์การบริหารส่วนจังหวัด อำเภอ ตำบล รวมทั้งหน่วยงานต่างๆที่ผลิตน้ำไว้ใช้เอง ขอให้ควบคุมการผลิตและตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของน้ำให้เป็นไปตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก คือให้มีปริมาณคลอรีนตกค้างในน้ำเข้มข้นระหว่าง 0.2 – 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร เพื่อมีผลฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในน้ำ
และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด/อำเภอ/ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือหมออนามัยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจหาปริมาณสารคลอรีนตกค้างในน้ำประปาทุกชนิดที่อยู่ในพื้นที่ รวมทั้งในถังเก็บกักน้ำในชุมชน โรงเรียน โรงพยาบาลให้ได้ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก เพื่อเฝ้าระวังและคุ้มครองสุขภาพประชาชน ไม่ให้ป่วยจากโรคที่พบได้บ่อยในช่วงอากาศร้อน น้ำขาดแคลนที่พบบ่อยคือ อุจจาระร่วง บิด ไทฟอยด์ โดยหน้าแล้งปี 57 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย.ทั่วประเทศพบผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วง 437,025 คน เสียชีวิต 5 ราย
ทางด้าน นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในช่วงอากาศร้อน หน้าแล้ง ปริมาณน้ำในแม่น้ำลำคลองลดลง ทำให้ปริมาณสาหร่ายในน้ำเพิ่มขึ้น อาจทำให้น้ำมีกลิ่นและรสไม่พึงประสงค์ หากนำน้ำจากแม่น้ำลำคลอง และบ่อน้ำตื้น มาใช้เพื่ออุปโภค/บริโภค ควรปรับปรุงคุณภาพน้ำก่อน ประชาชนสามารถทำได้เองง่ายๆคือใช้สารส้มแกว่งในภาชนะที่เก็บน้ำ ตั้งทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จะทำให้สิ่งสกปรกที่อยู่ในน้ำจับเป็นกลุ่มก้อนเล็กๆและตกตะกอนที่ก้นภาชนะ น้ำส่วนบนจะใสขึ้น หากนำมาดื่มต้องต้มให้เดือดนานอย่างน้อย 1 นาที เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในน้ำ ส่วนน้ำประปาที่มีกลิ่นฉุนคลอรีน กำจัดกลิ่นง่ายๆคือ รองน้ำใส่ภาชนะที่สะอาดทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที กลิ่นคลอรีนจะหายไป