สำหรับสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำต่างๆ ลดน้อยอย่างต่อเนื่อง หลังสิ้นสุดฤดูฝน โดยล่าสุด(10 พ.ย. 58) ทั้ง 4 เขื่อน มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำรวมกันทั้งสิ้น จำนวน 10,935 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนรวมกัน(9 พ.ย.) ทั้งสิ้น 15.60 ล้านลูกบาศก์เมตร ในขณะที่มีการใช้น้ำรวมกันวันละ 15.55 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 4,239 ล้านลูกบาศก์เมตร
ด้วยปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันของเขื่อนหลักทั้ง 4 แห่ง ที่มีอยู่อย่างจำกัด กรมชลประทาน จำเป็นต้องบริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุม โดยจะส่งน้ำเฉพาะเพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศเท่านั้น ไม่สามารถสนับสนุนการทำนาปรังในฤดูแล้งนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ และจนถึงขณะนี้ แม้จะได้มีการชี้แจงและประชาสัมพันธ์ ถึงสถานการณ์น้ำในฤดูแล้งมาอย่างต่อเนื่อง ให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำไปแล้วก็ตาม แต่กลับพบว่า ยังมีบางส่วนเริ่มทำนาปรังไปแล้วในหลายพื้นที่ จึงขอให้เกษตรกรพิจารณาถึงแหล่งน้ำต้นทุนในพื้นที่ของตนด้วยว่า จะเพียงพอสำหรับการเพาะปลูกหรือไม่ ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือจากเกษตรกร ให้เปลี่ยนไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นๆที่ใช้น้ำน้อยทดแทน หรือเข้าร่วมตาม 8 มาตรการหลัก ที่ได้สร้างการรับรู้ให้เกษตรกรทราบอย่างต่อเนื่องแล้ว โดยเฉพาะมาตรการการจ้างแรงงาน เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่กรมชลประทาน ได้ให้โครงการชลประทานต่างๆ ดำเนินการจ้างแรงงานในเขตชลประทานอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร ที่ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้