คสช.ใช้ ม.44 เพิกถอนทะเบียนเรือประมงไทย 8,024 ลำภายใน 30 วัน แก้ปม IUU

ข่าวทั่วไป Tuesday November 17, 2015 13:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เว็ปไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 42/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม(IUU) เพิ่มเติมครั้งที่ 2 โดยระบุว่า

ตามที่ได้มีการรายงานจากศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายว่า ปัจจุบันมีเรือประมงที่มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนเรือเป็นจำนวนมากแต่จากการสำรวจกลับไม่พบเรือ หรือเจ้าของเรือดังกล่าวเป็นจำนวนถึง 8,024 ลำ กรณีเช่นนี้ได้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของภาครัฐในการควบคุมปริมาณเรือให้พอเหมาะกับปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นการส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องกำหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถปรับปรุงระบบฐานข้อมูลทะเบียนเรือให้ตรงต่อความเป็นจริง อีกทั้งควรมีการควบคุมการออกอาชญาบัตรให้ใช้เครื่องมือทำการประมงเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้การกำหนดข้อห้ามในการใช้เครื่องมือทำการประมงที่มีอยู่แล้วบางประเภท งผลกระทบต่อผู้ทำการประมงมากจนเกินสมควร จึงสมควรกำหนดให้ขยายระยะเวลาในการกำหนดข้อห้ามดังกล่าวออกไปเพื่อให้ผู้ทำการประมงได้มีระยะเวลาในการจัดเตรียมเครื่องมือทำการประมงใหม่ที่เหมาะสมได้

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้นายทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยมีคำสั่งเพิกถอนทะเบียนเรือไทยสำหรับการประมงและจำหน่ายทะเบียนเรือออกจากสมุดทะเบียน สำหรับเรือไทยที่มีรายชื่ออยู่ในฐานข้อมูลทะเบียนเรือไทย จำนวน 8,024 ลำ ปรากฏรายชื่อตามบัญชีเรือประมงที่ต้องเพิกถอนทะเบียนเรือท้ายคำสั่งนี้ ให้เจ้าของเรือส่งคืนใบทะเบียนเรือและใบอนุญาตใช้เรือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเป็นหนังสือจากนายทะเบียนเรือ

ข้อ 2 เพื่อควบคุมศักยภาพการทำการประมงให้สอดคล้องกับผลผลิตสัตว์น้ำสูงสุด ที่สามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืน ให้ดำเนินการดังนี้

(1) ห้ามมิให้นายทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลรายละเอียดในทะเบียนเรือของเรือประมงเกี่ยวกับขนาดตัวเรือหรือเปลี่ยนแปลงขนาดกำลังของเครื่องยนต์ เว้นแต่การขอเปลี่ยนแปลงขนาดตัวเรือหรือเปลี่ยนแปลงขนาดกำลังของเครื่องยนต์เรือที่อยู่ในฐานข้อมูลของกรมเจ้าท่า ที่ผ่านการสำรวจตามคำสั่งของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายและได้ผ่านการตรวจสอบและได้รับความเห็นชอบจากคณะทำงานซึ่งผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายแต่งตั้งให้คณะทำงานตามวรรคหนึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่เทคนิค ผู้แทนกรมเจ้าท่า และผู้แทนกรมประมงมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานตรวจเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยและกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย ทั้งนี้ ให้คณะทำงานแจ้งผลการตรวจสอบตามวรรคหนึ่งเพื่อให้นายทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทยดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยให้ถือผลการตรวจสอบของคณะทำงานเป็นใบตรวจเรือของพนักงานตรวจเรือของกรมเจ้าท่า

(2) ห้ามมิให้ผู้มีอำนาจในการอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการประมงอนุญาตให้มีการโอนหรือเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับอนุญาตในอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงในทะเลทุกชนิดและทุกประเภท เว้นแต่การโอนให้บุพการี คู่สมรส ผู้สืบสันดาน หรือตามคำสั่งศาล

(3) ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการประมงออกอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงในทะเลทุกชนิด เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้

(ก) การออกอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงในทะเลสำหรับผู้ได้รับอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตเดิมอยู่ในวันก่อนวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ

(ข) การออกอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงสำหรับเรือประมงที่ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเรือกับกรมเจ้าท่าไว้ก่อนหรือในวันที่ 6 สิงหาคม 2558 แต่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวัน นับแต่วันที่คำสั่งฉบับนี้มีผลใช้บังคับ

(ค) การออกอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงสำหรับผู้ซึ่งมีความประสงค์จะปรับเปลี่ยนอาชญาบัตร จากเครื่องมือทำการประมงที่มีการควบคุมจำนวนตามระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยการปฏิบัติเกี่ยวกับการควบคุมจำนวนเครื่องมือทำการประมงอวนลาก อวนรุน พ.ศ.2539 และตามระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการปฏิบัติเกี่ยวกับการควบคุมจำนวนเครื่องมือทำการประมงปลากะตัก พ.ศ.2543 ไปเป็นอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงสำหรับทำการประมงประเภทอื่น หรือการออกอาชญาบัตรหรือใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงอวนรุนเคย ตามวิธีการและขั้นตอนที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายประกาศกำหนด ทั้งนี้จนกว่าผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ข้อ 3 ผู้ใดฝ่าฝืนข้อ 1 วรรคสอง ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

ข้อ 4 เพื่อให้ผู้ทำการประมงสามารถปรับปรุงเครื่องมือทำการประมงที่มีอยู่และเป็นการบรรเทาผลกระทบจากการกำหนดห้ามมิให้บุคคลใดใช้หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้ซึ่งเครื่องมืออวนลากที่มีขนาดช่องตาอวนก้นถุงเล็กกว่า 5 เซนติเมตร ช่องตาอวนก้นถุง เครื่องมืออวนลาก ตามข้อ 2(5) แห่งคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 24/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติม ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2558 จึงให้ขยายระยะเวลาสำหรับการห้ามใช้หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้เครื่องมืออวนลากที่มีช่องตาอวนก้นถุงเล็กกว่า 5 เซนติเมตรเป็นตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไป

ข้อ 5 ประกาศหรือคำสั่งของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายที่ออกตามข้อ 2(3)(ค) และข้อ 2 วรรคสอง เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

ข้อ 6 คำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ