ทั้งนี้มี รายงานว่า พื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเขตชลประทาน และนอกเขตชลประทาน โดยขณะนี้ ประมาณการว่ามีการปลูกข้าวนาปรังทั่วประเทศแล้ว 1.538 ล้านไร่ แยกเป็นในเขตชลประทาน 1.462 ล้านไร่ และนอกเขตชลประทานอีก 76,000 ไร่ ซึ่งหากยังมีอัตราการเพิ่มอย่างรวดเร็วต่อไป พี่น้องเกษตรกรบางพื้นที่อาจจะเสี่ยงต่อพื้นที่การเพาะปลูกเสียหายเพราะขาดแคลนน้ำ ขณะที่การปลูกพืชไร่พืชผักทั่วประเทศมีพื้นที่รวมกันประมาณ 157,000 ไร่
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังอยากเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และการบริหารความเสี่ยง ด้วยการปลูกพืชหลายชนิด เช่น ถิ่วเขียว ถั่วเหลือง ตะไคร้ มะนาว และพืชสมุนไพรต่างๆที่ตลาดยังมีความต้องการสูง ขายได้ราคาดี เป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยกว่าการปลูกข้าว อายุการเพาะปลูกสั้น รวมทั้งให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้และกระจายความเสี่ยงของครัวเรือน
"ข้าวไทยถือเป็นข้าวคุณภาพชั้นยอด ชาวนาไทยคือผู้ทรงภูมิปัญญาในการเกษตรที่สืบทอดมานับร้อยๆปี แต่ด้วยปัจจัยภายนอกที่ไม่เอื้ออำนวย เชื่อว่าพี่น้องเกษตรกรชาวนาไทยจะเลือกวิธีปรับสัดส่วนพื้นที่เพาะปลูกให้มีพืชหลายชนิดผสมผสานกัน และสมดุลกับปริมาณน้ำซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญที่สุด เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ครัวเรือนต่อไป"พล.ต.สรรเสริญ กล่าว