ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักข่าวต่างประเทศพบรายงานว่ามีการเกิดการระบาดของโรคนี้ในประเทศซีเรียมาตั้งแต่ปี 2555 และในต้นปี 2556 พบผู้ป่วยประมาณ 41,000 ราย ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่พบผู้ป่วยจำนวนมาก เนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศทำให้ยากต่อการป้องกันควบคุมโรค หรือการรับความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขจากหน่วยงานภายนอก
สำหรับสถานการณ์โรคลิชมาเนียในประเทศไทยพบผู้ป่วยประปรายตั้งแต่ปี พ.ศ.2503-2558 จำนวนทั้งสิ้น 66 ราย ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคลิชมาเนียส่วนใหญ่พบว่าเป็นผู้ที่มีเชื้อ HIV ร่วมด้วย โดยในปี 2558 มีรายงานพบผู้ป่วย 2 ราย ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดเชียงราย
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคลิชมาเนียเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัวซึ่งมีการติดต่อของโรคนำโดยแมลง มีริ้นฝอยทรายเป็นพาหะนำโรค ปัจจุบันมีรายงานแหล่งแพร่โรคลิชมาเนียไม่ต่ำกว่า 80 ประเทศ อาทิ จีน อินเดีย ประเทศในแถบตะวันออกกลาง แถบเมดิเตอร์เรเนียน อัฟริกาเหนือ และตอนเหนือของอเมริกาใต้ ส่วนใหญ่การระบาดของโรคสัมพันธ์กับการอพยพและเคลื่อนย้ายของประชาชน นอกจากนี้ในประเทศในภาวะสงครามซึ่งไม่ได้มีการจัดการสุขาภิบาลที่ดีก็สามารถเกิดการระบาดได้ สำหรับการระบาดของโรคลิชมาเนียในประเทศซีเรียนั้น พบว่ามีความเสี่ยงต่ำที่จะเกิดการแพร่ระบาดข้ามประเทศและมีความเป็นไปได้น้อย หรือไม่มีความเป็นไปได้ที่จะนำเชื้อชนิดนี้ไปทำอาวุธชีวภาพ เนื่องจากเชื้อลิชมาเนียจะมีการแพร่กระจายได้ก็ต่อเมื่อมีพาหะนำโรคเท่านั้น
ทั้งนี้ กรมควบคุมโรคขอแนะนำวิธีการสำหรับป้องกันตนจากโรค ดังนี้ 1.ป้องกันตนเองอย่าให้ริ้นฝอยทรายกัด เช่น การทายากันยุง สวมเสื้อผ้าปกปิดร่างกายเมื่อเข้าป่า โดยเฉพาะในช่วงพลบค่ำที่ริ้นฝอยทรายออกหากินมาก 2. ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมทั้งในบ้าน และนอกบ้านให้สะอาด เป็นระเบียบ และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลิ้นฝอยทราย 3.ควบคุมรังโรคในสัตว์ เช่น วัว ควาย ต้องเลี้ยงห่างจากบ้านประมาณ 5-10 เมตร 4.ผู้ที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่ที่มีการระบาด ควรมีการเฝ้าระวังโรค เช่น แรงงานไทยทุกคนที่เดินทางกลับจากประเทศที่เป็นแหล่งแพร่โรคควรได้รับการตรวจ ร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่าไม่เป็นโรคลิชมาเนียเนื่องจากผู้ป่วยมักไม่ทราบ เพราะไม่มีอาการรุนแรง ประชาชนที่มีความสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422