สำหรับการดำเนินงานในระยะต่อไป รัฐบาลจะได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นระบบ โดยผลักดันกลไกการจัดการที่เข้มแข็ง มุ่งเน้นการจัดสรรงบประมาณเชิงบูรณาการ เพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก ทั้งการขับรถเร็ว การสร้างความปลอดภัยในกลุ่มคนเดินเท้า ผู้ใช้รถจักรยาน รถจักรยานยนต์ และผู้โดยสารรถสาธารณะ พร้อมวางระบบจัดเก็บ ติดตาม ประเมินผลข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นเอกภาพ รวมถึงส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญในการจัดการปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายจราจรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ การเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิด การจัดหาอุปกรณ์และเทคโนโลยีในการตรวจจับผู้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร อีกทั้งนำมาตรการองค์กรมาใช้เป็นแนวทางสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนแก่บุคลากรภาครัฐและภาคเอกชน
ทั้งนี้ รัฐบาลได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้ต่ำกว่า 10 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคนในปี พ.ศ.2563 พร้อมยกระดับการสัญจรที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากลและเดินหน้าประเทศไทยสู่ความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจัดงานสัมมนาเรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 12 ภายใต้แนวคิด “ครึ่งทางทศวรรษ...กับการจัดการที่เข้มแข็ง" จัดขึ้นในวันที่ 14 – 15 ธันวาคม 2558 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เป็นเวทีสำคัญที่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจากภาคส่วนต่างๆ จะได้รับทราบนโยบายและทิศทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของรัฐบาล ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานด้านการจัดการความปลอดภัยทางถนน ถอดบทเรียนการดำเนินงานตามแนวทางทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน ตลอดจนร่วมกันกำหนดทิศทางการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน โดยมุ่งเน้นให้เกิดกลไกการจัดการปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เข้มแข็ง ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายจราจรที่จริงจังและต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การสร้างการสัญจรของประเทศไทยให้มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล