(เพิ่มเติม) กรมป้องกันฯ จัดสัมมนาความปลอดภัยทางถนน หวังยกระดับการสัญจรตามมาตรฐานสากล

ข่าวทั่วไป Monday December 14, 2015 12:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย กล่าวในพิธีเปิดสัมมนาระดับชาติ เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 12 “ครึ่งทางทศวรรษ...กับการจัดการที่เข้มแข็ง" ว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้กำหนดให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนเป็นวาระแห่งชาติและนโยบายหลักด้านการยกระดับคุณภาพการบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน โดยมีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการ ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เป็นหน่วยงานกลาง ในการบูรณาการการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของประเทศ ภายใต้แนวทางทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน (พ.ศ.2554 - 2563) การดำเนินงานขณะนี้อยู่ในระยะครึ่งทางทศวรรษ โดยทุกภาคส่วนได้ร่วมขับเคลื่อนการสร้างการสัญจรที่ปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการยกระดับความปลอดภัยทางถนน

สำหรับการดำเนินงานในระยะต่อไป รัฐบาลจะได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นระบบ โดยผลักดันกลไกการจัดการที่เข้มแข็ง มุ่งเน้นการจัดสรรงบประมาณเชิงบูรณาการ เพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก ทั้งการขับรถเร็ว การสร้างความปลอดภัยในกลุ่มคนเดินเท้า ผู้ใช้รถจักรยาน รถจักรยานยนต์ และผู้โดยสารรถสาธารณะ พร้อมวางระบบจัดเก็บ ติดตาม ประเมินผลข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นเอกภาพ รวมถึงส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทสำคัญในการจัดการปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการแก้ไขกฎหมายจราจรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ การเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิด การจัดหาอุปกรณ์และเทคโนโลยีในการตรวจจับผู้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร อีกทั้งนำมาตรการองค์กรมาใช้เป็นแนวทางสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนแก่บุคลากรภาครัฐและภาคเอกชน

ทั้งนี้ รัฐบาลได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้ต่ำกว่า 10 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคนในปี พ.ศ.2563 พร้อมยกระดับการสัญจรที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากลและเดินหน้าประเทศไทยสู่ความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน

ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายจัดงานสัมมนาเรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 12 ภายใต้แนวคิด “ครึ่งทางทศวรรษ...กับการจัดการที่เข้มแข็ง" จัดขึ้นในวันที่ 14 – 15 ธันวาคม 2558 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร เพื่อให้เป็นเวทีสำคัญที่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจากภาคส่วนต่างๆ จะได้รับทราบนโยบายและทิศทางการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของรัฐบาล ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานด้านการจัดการความปลอดภัยทางถนน ถอดบทเรียนการดำเนินงานตามแนวทางทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน ตลอดจนร่วมกันกำหนดทิศทางการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน โดยมุ่งเน้นให้เกิดกลไกการจัดการปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เข้มแข็ง ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายจราจรที่จริงจังและต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่การสร้างการสัญจรของประเทศไทยให้มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล

ด้านนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข ปาฐกถาพิเศษ “ครึ่งทางทศวรรษ กับ การเดินหน้าประเทศไทย เพื่อความปลอดภัยทางถนน" ในงานสัมมนาระดับชาติ เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 12 ว่า ประเทศไทยโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาเพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ได้พัฒนาระบบข้อมูลการบาดเจ็บ ยกระดับระบบการแพทย์ฉุกเฉินหน่วยกู้ชีพทั้งของโรงพยาบาล และมูลนิธิอาสาสมัครต่างๆ ให้มีมาตรฐานด้านการช่วยเหลือดูแลรักษา สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้ในระดับหนึ่ง ได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลกให้เป็นที่ศึกษาดูงานของประเทศต่างๆ

อย่างไรก็ตามสถานการณ์การความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนของไทยมีความรุนแรงขึ้น ในช่วงเทศกาลที่ผ่านมาพบว่าร้อยละ 59 ของผู้บาดเจ็บรุนแรง เสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ สาเหตุจากขับรถเร็ว ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย และมีจุดเสี่ยง ทั้งต้นไม้ ป้าย เสาไฟข้างทาง เป็นต้น ข้อมูลจากใบมรณบัตรปี2557 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูง 15,045 คน โดยทุกวันมี 40 ครอบครัวต้องสูญเสียสมาชิกและอีก 15 ครอบครัวต้องมีภาระเลี้ยงดูผู้พิการ โดย 1 ใน 3 ผู้เสียชีวิตหรือพิการเป็นกำลังหลักครอบครัว สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจปีละ 2.3 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ การลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนสามารถป้องกันได้ มีเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยป้องกันปัญหาคือ การสร้างระบบจัดการที่เข้มแข็ง เอาจริงเอาจัง ควบคู่ไปกับการสร้างวินัยและสำนึกความปลอดภัยของคนในชาติ ตั้งแต่เด็กและเยาวชน เพื่อสร้าง“การบริหารจัดการที่เข้มแข็ง"และ“เดินหน้าประเทศไทยไปสู่ความปลอดภัยทางถนน" ตามเป้าหมายสากลและที่รัฐบาลกำหนด กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ความปลอดภัยทางถนน เป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในปี 2559 วางแผนการดำเนินงานเชิงรุกตลอดทั้งปี 4 ด้าน ดังนี้ 1.ยกระดับการจัดการข้อมูลการบาดเจ็บและเสียชีวิต เพื่อชี้ขนาดปัญหาได้ครอบคลุม โดยเชื่อมข้อมูลตายจาก 3 ฐานข้อมูล ได้แก่ ใบมรณบัตร ประกันภัย และ ตำรวจ วิเคราะห์สาเหตุการบาดเจ็บและการเสียชีวิต ให้ทราบปัจจัยเสี่ยง ทั้งจุดเสี่ยงและพฤติกรรมเสี่ยง

2.พัฒนาระบบบริหารจัดการในทุกระดับ ส่วนกลาง/ เขตสุขภาพ/จังหวัด มีศูนย์ปฏิบัติการคอยติดตามปัญหาใกล้ชิด สังเคราะห์เชิงนโยบายทุกเดือน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาได้ทันสถานการณ์ โดยในพื้นที่เป็นจุดจัดการสำคัญ เพราะอยู่ใกล้ชิดปัญหา เน้นทำงานเชิงรุก ใช้กลไกระบบบริการสุขภาพระดับอำเภอ นำข้อมูลมาวิเคราะห์จุดเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยง นำมาวางแผนแก้ปัญหา

3.สนับสนุนให้เกิดความร่วมมือในการ “ป้องกันความเสี่ยงหลัก หาจุดเสี่ยงจุดอันตรายในพื้นที่อย่างน้อยจังหวัดละอย่างน้อย 5 จุดทุก 3 เดือน สร้างความตระหนักและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในรูปแบบต่างๆ ตามความเหมาะสมแต่ละพื้นที่

4.พัฒนาการรักษาพยาบาล เพิ่มคุณภาพห้องฉุกเฉิน เปิดช่องทางด่วนรองรับผู้บาดเจ็บ เพิ่มคุณภาพงานการแพทย์ฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุให้ได้มาตรฐานระดับสากล นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ผลักดันให้มีด่านชุมชน และมาตรการองค์กร ด้านความปลอดภัยทางถนน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ