"นายกรัฐมนตรีจึงมอบหมายนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นการขับเคลื่อนเรื่องการส่งเสริมอาชีพ 2 ข้างทางแนวรถไฟ จะไม่สามารถทำได้เลย ถ้าไม่แก้กฎหมายก่อน" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายการหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อมีการจับกุมผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองได้นั้น เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติจำเป็นต้องทำตามข้อกฎหมาย คือ พิสูจน์สัญชาติและส่งกลับไปยังประเทศต้นทาง แต่เนื่องจากวันนี้สังคมต้องยอมรับว่าปัญหาในภูมิภาคนี้มีหลายมิติ โดยเฉพาะเรื่องสิทธิมนุษยชน นายกรัฐมนตรีจึงขอให้ฝ่ายกฏหมายไปดูว่าจะมีกฎหมายอย่างไรออกมาได้บ้างที่จะทำให้รัฐบาลมีทางเลือกที่จะสามารถปฏิบัติต่อผู้ที่หลบหนีเข้าเมืองได้ โดยเฉพาะผู้ที่หลบหนีมาจากประเทศที่มีปัญหาข้อขัดแย้ง หรือมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุยชน ทั้งนี้เพื่อให้รัฐบาลมีทางเลือกอย่างอื่นได้บ้างในการปฏิบัติตามหลักกฎหมายเดิม เช่น การลี้ภัย
"นายกฯ ขอให้ดูให้รอบคอบ อย่าให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ทุกคนที่กระทำผิดในกฏหมายต่างประเทศ แล้วมาหลบหนีอยู่ในประเทศไทย เพราะหวังจะลี้ภัย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นแหล่งสะสมผู้กระทำผิดในประเทศต่างๆ แล้วใช้ไทยเป็นฐานพักเพื่อที่จะไปต่อประเทศอื่น ต้องดูเรื่องนี้ให้รอบคอบ" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว