และจากนั้นเป็นการแถลงข่าวร่วมกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวแบบติดตลกและหันมายิ้มให้กันเป็นระยะ ทั้งนี้ก่อนการแถลงพล.อ.ประยุทธ์ได้เดินคู่กับออกจากห้องประชุมแต่ยังไม่ได้มุ่งตรงมาที่จุดแถลงข่าวทันที ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงว่า “เมื่อสักครู่ที่เดินไป 2 คน ไม่ได้หารือกัน แต่เดินไปเข้าห้องน้ำกัน"
ส่วนการแถลงข่าวร่วมกัน พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มแถลงก่อนว่า ตนในนามรัฐบาลไทยและประชาชนคนไทยยินดีต้อนรับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและคณะในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในรอบ 12 ปี โดยการประชุมวันนี้เป็นการฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 65 ปี เราเห็นชอบร่วมกันที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ซึ่งอยู่ในฐานะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ของสองประเทศที่ผ่านมา ซึ่งเราต้องร่วมมือกันในพื้นฐานของความไว้เนื้อเชื่อใจ การลดความหวาดระแวง และเรื่องผลประโยชน์ที่เท่าเทียมในลักษณะของการเดินหน้าเป็นประชาคมอาเซียนโดยสมบูรณ์ในต้นปีหน้า และการที่เราเป็นครอบครัวอาเซียนด้วยกันในฐานะที่เป็น 1 ใน 10 ประเทศของอาเซียน โดยเป้าหมายของเราคือการสร้างความผาสุกของประชาชนทั้งสองประเทศ ลดช่องว่าง ยกระดับอาชีพ ยกระดับการค้าการลงทุนและความมั่นคง วัฒนธรรม การท่องเที่ยว ทุกอย่างให้มีความเจริญก้าวหน้าในอนาคตและสร้างความเข้มแข็งให้อาเซียนด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ประเด็นเรื่องความมั่นคงก็จะร่วมกันเพิ่มขีดความสามารถให้หน่วยงานที่มีอยู่แล้วเดิมให้เข้มแข็งขึ้น เพิ่มภารกิจมากขึ้น เช่นเรื่องของการค้ามนุษย์ เรื่องของการตัดไม้ทำลายป่า ยาเสพติด หรือว่าภัยคุมคามอื่นที่เป็นเรื่องใหม่ๆทั้งหมด ส่วนเรื่องการยกระดับจุดผ่านแดนและเพิ่มการคมนาคมระหว่างกันทั้งทางบก น้ำ อากาศ ก็ได้มีการพูดคุยในครั้งนี้ด้วย ประเด็นสำคัญก็คือเรื่องของการร่วมมือกันสร้างสะพานที่บ้านหนองเอี่ยน อ.อรัญประเทศ เพื่อเชื่อมต่อกับประเทศกัมพูชาให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี การเชื่อมต่อทางรถไฟไทย-กัมพูชา ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด น่าจะเป็น 6 เดือนข้างหน้า
สำหรับการเพิ่มมูลค่าการค้าให้เป็น 3 เท่าภายใน 5 ปี เพราะเมื่อมีการพูดคุยของนักธุรกิจ ของทั้งสองฝ่ายแล้วก็เห็นชอบร่วมกันที่จะเร่งพัฒนาให้ได้สูงขึ้นไปด้วยกัน และร่วมมือเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษระหว่าง จังหวัดสระแก้วและจังหวัดบันเตียเมียนเจย จังหวัดตราดกับจังหวัดเกาะกง และส่งเสริมห่วงโซ่การผลิตให้เกื้อกูลกัน
ส่วนเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นายกฯ กล่าวว่า มีเรื่องของสาธารณสุข การรักษาพยาบาล การศึกษา และดูแลเรื่องบุคลากรทางการแพทย์ให้กับกัมพูชาร่วมกัน และมีโครงการพัฒนาฝีมือแรงงานซึ่งเป็นการแก้ปัญหาของเก่า และเตรียมของใหม่เพราะต้องมีตลาดแรงงานมากขึ้นแน่นอนในการเปิดประชาคมอาเซียน สำหรับเรื่องการสั่งซื้อสินค้าทางการเกษตร ข้าวโพด มันสำปะหลัง ก็มีการพูดคุยกัน ก็จะหาการดำเนินการที่เป็นไปได้อย่างเป็นรูปธรรม
"สำหรับความร่วมมือด้านพลังงานมีการตกลงว่าจะมีแผนดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อแสวงหาความร่วมมือ ขอให้เข้าใจให้ตรงกันด้วยนะ ไม่ได้มีตกลงอะไรก่อนอะไรหลัง ไม่ใช่ มีการตั้งคณะกรรมการมาพูดคุยกัน แล้วก็หาสิ่งที่จะทำได้เพื่อเป็นอนาคต" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
การลงนามวันนี้มี 5 ฉบับเราต้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ก้าวผ่านอุปสรรคและปัญหาทั้งหมดให้ไปสู่ความร่วมมือที่ยั่งยืนต่อไป ทำ 65 ปีต่อไประหว่างไทยกัมพูชาให้ได้ ผ่านมาแล้ว 65 ปี เราจะเดินผ่านอีก 65 ปีต่อไป ทั้งนี้ความร่วมมือทุกอย่างเราใช้หลักการที่ว่าเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางเพื่อความผาสุกของสองประเทศ เรื่องใดก็ตามที่จะต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมาย ทางรัฐบาลไทยก็เร่งนำเข้าพิจารณาในครม.ให้มันถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นการประชุมกันอย่างไม่เป็นทางการ แต่หาแนวทางได้แล้วอะไรที่ต้องเข้าครม.ก็จะต้องเข้าครม.
"ท่านสมเด็จฮุนเซนมาครั้งนี้ ท่านบอกกับผมคำหนึ่งว่าท่านเอาความรักความห่วงใยจากประชาชนกัมพูชามาฝากคนไทยด้วย เช่นเดียวกัน ผมก็ขอฝากเป็นสองเท่า มากกว่าสองเท่าสามเท่าดีกว่ามั๊ง มากกว่าเพิ่มมูลค่าการค้าขายสัก 100 เท่าก็แล้วกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สมเด็จฮุนเซน กล่าวว่า ตนขอบคุณที่ให้โอกาสต้อนรับการมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ การประชุมร่วมระหว่างไทยและกัมพูชาไม่ใช่สิ่งบังเอิญที่เกิดขึ้น เพราะวันนี้ถือเป็นวันครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ยาวนานมากกว่า 65 ปี ซึ่งเป็นการสะท้อนความร่วมมือและความสำเร็จระหว่างประเทศทั้งสอง ตนมีความภูมิใจอย่างยิ่งในความร่วมมือของประเทศทั้งสองที่ผ่านมา โดยสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พูดขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่กัมพูชามีความสามารถที่จะขยายความสัมพันธ์และความร่วมมือกันต่อไป ทั้งทางด้านการค้าการส่งออกระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีมูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลล่าสหรัฐ โดยเป็นการส่งออกจากไทยไปกัมพูชา 4,500 ล้านดอลล่าสหรัฐ ส่วนกัมพูชาส่งออกมายังประเทศไทย 500 ล้านดอลล่า ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสองประเทศได้ตกลงไว้ว่าในปี 2563 จะเพิ่มมูลค่าค้าขายระหว่างกันเป็น จำนวน 1.5 หมื่นล้านดอลล่าสหรัฐ รวมถึงจะมีการอำนวยความสะดวกในการเดินทางระหว่างกันมากขึ้น อาทิ การเพิ่มด่านชายแดน และการทำเส้นทางรถไฟระหว่างกัน ซึ่งประเทศไทยจะเป็นผู้สนับสนุนการสร้างสะพาน ส่วนกัมพูชานั้นตนจะขอใช้โอกาสนี้ประพันธ์เพลงขึ้นมาเป็นจังหวะรำวง เพื่อใช้ในโอกาสการสร้างสะพานด้วย
"มีหลายเรื่องที่ผมมีความภูมิใจที่จะทำขึ้นมา ขอบคุณรัฐบาลและประชาชนชาวไทยที่ช่วยเหลือชาวกัมพูชามาโดยตลอด โดยเฉพาะขอขอบคุณสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่สนพระทัยในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทั้งชาวกัมพูชาและไทย ซึ่งการประชุมร่วมระหว่างไทย-กัมพูชาครั้งที่ 3 ที่จะจัดขึ้นที่กรุงพนมเปญนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้รับปากจะไปร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย"สมเด็จฮุนเซน กล่าว