นอกจากนี้ ยังพบการดำเนินการที่ทำให้ กสท.มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และภาพรวมการดำเนินธุรกิจของ กสท.ในอนาคต จากการตรวจสอบการดำเนินกิจกรรมการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ HSPA และกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการให้บริการดังกล่าว พบว่ามีข้อสังเกตหลายประการ ดังนี้
1. การขายส่งบริการบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ HSPA ที่ กสท.ทำสัญญา กับ บริษัท เรียล มูฟ จำกัด ตกลงชำระค่าบริการเป็นรายเดือน ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2554 ถึงงวดเดือนธันวาคม 2557 เป็นเงิน 49,864.86 ล้านบาท แต่บริษัทฯ ยืนยันการชำระหนี้เพียง 37,665.80 ล้านบาท ที่เหลือจำนวน 12,199.06 ล้านบาท จะเจรจาหาข้อยุติในภายหลัง แต่จนปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้า ทำให้ กสท.ยังได้รับชำระเงินไม่ครบถ้วน สูญเสียประโยชน์ที่ควรจะได้รับ เช่น ดอกเบี้ยเป็นเงินมูลค่าหลายพันล้านบาท
2. การเช่าเครื่องและอุปกรณ์วิทยุคมนาคม เพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ HSPA จากบริษัท บี เอฟ เคที (ประเทศไทย) จำกัด ที่ตามสัญญากำหนดให้บริษัทฯ จัดหาเครื่องและอุปกรณ์สถานีฐานให้ กสท.จำนวน 13,500 ชุด ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555 แต่บริษัทฯ ไม่สามารถจัดหาให้ครบได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งบริษัทฯ ต้องชำระค่าปรับให้ กสท.เป็นเงิน 2,364.99 ล้านบาท แต่ กสท.เรียกให้ชำระค่าปรับเพียง 2,016.20 ล้านบาท ต่ำไป 348.78 ล้านบาท และปัจจุบันบริษัทฯ ยังไม่ได้จ่ายชำระค่าปรับให้ กสท.แต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัทได้สร้างสถานีฐานเกินจำนวน 13,500 ชุด โดย กสท.ไม่ได้รับค่าบริการที่เกิดจากสถานีฐานส่วนเกินดังกล่าว และยังไม่มีการเจรจาตกลงกันเรื่องรายได้ค่าบริการที่เกิดจากสถานีฐานส่วนเกินให้ชัดเจน
3. กสท ตกลงให้ บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนซึ่งเป็นบริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวเคชั่น จำกัด ใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในประเทศบนโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ HSPA (บริการ Roaming) แต่ยังมิได้มีการทำสัญญาข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อ กสท.แจ้งเรียกเก็บค่าบริการ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 ถึง เดือนสิงหาคม 2557 เป็นเงิน 6,225.53 ล้านบาท บริษัทฯ ไม่ยอมชำระค่าบริการ โดยอ้างว่าการเจราจายังไม่ได้ข้อยุติในเรื่องอัตราค่าบริการ
4. บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ตกลงอนุญาตให้ กสท.ใช้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่บนความถี่ย่าน 1800 MHz ในลักษณะ Roaming โดยมีข้อตกลงว่า กสท.จะจ่ายค่าตอบแทนให้บริษัทฯ ตามที่กำหนด โดยรายได้ที่บริษัทได้รับมอบจาก กสท.นั้น อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทต้องนำมาคำนวณส่วนแบ่งรายได้เพื่อชำระเงินให้แก่ กสท.ตามสัญญาดำเนินการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz แต่บริษัทฯ ยังมิได้ชำระส่วนแบ่งรายได้ของปี 2554-2556 ให้ กสท.เป็นเงินรวม 1,578.09 ล้านบาท โดย กสท. ยังไม่เรียกให้บริษัทฯ ชำระส่วนแบ่ง และเงินเพิ่มกรณีชำระล่าช้าแต่อย่างใด และไม่ได้รับรู้รายได้ส่วนแบ่งดังกล่าวให้ถูกต้องในปีที่เกิดรายได้ ส่งผลให้ กสท.ต้องเสียเงินเพิ่มจากการชำระภาษีไม่ถูกต้องเป็นจำนวนถึง 23.28 ล้านบาท
5. การให้บริการอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ซึ่ง กสท.อนุญาตให้บริษัท เรียล ฟิวเจอร์ จำกัด เข้าพื้นที่เพื่อสำรวจ ติดตั้งอุปกรณ์และใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมก่อนการจัดทำสัญญาหรือข้อตกลงและยังไม่มีข้อตกลงเรื่องอัตราค่าใช้บริการ ทำให้ กสท.ไม่สามารถออกใบแจ้งหนี้ให้บริษัทฯ ชำระค่าบริการได้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2556 ถึง 31 ธันวาคม 2557 รวมเป็นเงิน 287.75 ล้านบาท
นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการดำเนินงานที่ไม่มีความรัดกุม ปฏิบัติอย่างล่าช้า และไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา ส่งผลให้ กสท.เสียเปรียบและเกิดความเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก จึงได้แจ้งให้ กสท.พิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ของ สตง. และการดำเนินการครั้งต่อไปต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม เพื่อไม่ให้เสียเปรียบคู่สัญญา และต้องดำเนินการด้วยความรวดเร็วตามขั้นตอนที่กำหนดในสัญญาและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการหาผู้รับผิดชอบทางแพ่ง ทางวินัย และทางอาญาต่อไป