ประกาศดังกล่าวจะระบุวิธีปฏิบัติใน 3 ประเด็นคือ 1.สถานะตุ๊กตาลูกเทพไม่ถือว่าเป็นผู้โดยสาร แต่เป็นสัมภาระติดตัว 2. เรื่องความปลอดภัยบนห้องโดยสาร การจัดเก็บตุ๊กตาลูกเทพในห้องโดยสาร ผู้โดยสารมีหน้าที่จัดเก็บและปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานในการเก็บสัมภาระ ซึ่งหลักปฏิบัติสากลนั้นในระหว่างอากาศยานทำการขึ้น (Take off) หรือลง (Landing) สัมภาระจะจัดเก็บได้ 2 ที่ คือ ที่เก็บเหนือศีรษะหรือใต้ที่นั่ง โดยเปิดให้มีการตกลงกับสายการบินได้ เช่น สามารถซื้อที่นั่งให้กับตุ๊กตาลูกเทพได้เหมือนสัมภาระประเภทอื่นได้ และ 3.เป็นมาตรฐานรักษาความปลอดภัยเกี่ยวกับสัมภาระที่ท่าอากาศยาน ก่อนขึ้นเครื่องบิน ซึ่งจะต้องตรวจค้นสัมภาระทุกประเภทตามปกติ ซึ่งตุ๊กตาลูกเทพต้องผ่านการตรวจค้นตามมาตรฐาน หากไม่ยอมรับการตรวจค้นหรือตรวจแล้วไม่ผ่าน จะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องได้
โดยข้อปฏิบัติต่างๆ กรณีผู้โดยสารนำสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องมีระเบียบอยู่แล้ว แต่นำมากำหนดให้ทราบตรงกันเท่านั้น อีกทั้งจะทำให้พนักงานของสายการบินและสนามบินได้รับรู้แนวทางปฏิบัติที่เหมือนกัน และผู้โดยสารจะรับทราบถึงสิทธิของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ขนาดที่เก็บสัมภาระ ขึ้นกับขนาดของเครื่องบิน ซึ่งขึ้นกับดุลพินิจของแต่ละสายการบินที่จะให้บริการต่อผู้โดยสาร ซึ่งจะมีมาตรฐานความปลอดภัยกำหนดไว้อยู่แล้ว เช่น ติดประตูฉุกเฉิน ใครนั่งไม่ได้บ้าง หรือหากมีผู้โดยสารอื่นไม่สบายที่จะติดกับตุ๊กตาลูกเทพ สายการบินจะพิจารณาในการย้ายที่นั่งให้ ส่วนบริการต่างๆ ที่จะขอเพิ่มเติม เช่น ขอเครื่องดื่มหรืออาหารให้ตุ๊กตาลูกเทพนั้นเป็นเรื่องของแต่ละสายการบินที่จะให้บริการต่อผู้โดยสาร
ด้านนายวรเนติ หล้าพระบาง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยสมายล์ แอร์เวย์ จำกัด กล่าวว่า มาตรการจอง ที่นั่งตุ๊กตาลูกเทพเป็นการออกประกาศภายในของบริษัทฯ เพื่อปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยสากล ซึ่งตุ๊กตาลูกเทพเป็นสัมภาระติดตัว มีเกณฑ์กำหนดเรื่องน้ำหนัก ขนาด ที่เก็บหรือวางเพื่อความปลอดภัยตามมาตรฐาน กรณีขนาดใหญ่มากต้องโหลดเป็นคาร์โก้ หรือผู้โดยสารต้องการนำติดตัวขึ้นเครื่อง สามารถซื้อที่นั่งเพิ่ม ในราคาตามปกติได้ ส่วนบริการขึ้นอยู่กับแต่ละสายการบิน กรณีผู้โดยสารไม่ผ่านการตรวจค้น หรือไม่วางสัมภาระในที่เหมาะสมจะขึ้นเครื่องไม่ได้