คดีนี้อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องว่านางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท ในฐานะจำเลยที่ 1 ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ไม่รายงานการโฆษณาเกินเวลาระหว่างวันที่ 4 ก.พ.48-28 เม.ย.49 จนทำให้ อสมท เสียหายกว่า 138 ล้านบาท โดยนายสรยุทธได้สั่งจ่ายเช็คเพื่อเป็นค่าตอบแทนให้แก่นางพิชชาภา 6 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 7 แสนบาท คดีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีมติชี้มูลความผิดไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ก.ย.55
ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า บริษัท ไร่ส้ม ต้องจ่ายค่าโฆษณาส่วนเกินเต็มจำนวน และไม่มีสิทธิขอลดค่าโฆษณา ซึ่งแม้ในภายหลังบริษัทไร่ส้ม จะจ่ายเงินค่าโฆษณา 138 ล้านบาทให้ อสมท แล้ว แต่เป็นเพียงการบรรเทาโทษเท่านั้น เพราะ อสมท ได้รับความเสียหายไปแล้ว นอกจากนี้ นางพิชชาภา ยังไม่มีสิทธิรับเงินจากบริษัทไร่ส้ม เพราะบริษัทไร่ส้ม เป็นคู่สัญญาของบริษัท อสมท แม้จะอ้างว่าให้โดยเสน่หาก็ตามแต่ก็มีความผิด เพราะทำให้กลไกการตรวจสอบผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ทำให้องค์กรเสียหาย
ดังนั้น ศาลจึงเห็นว่าจำเลยทั้งหมดกระทำผิดจริงตามฟ้อง แต่ให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเหลือ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุกนางพิชชาภา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 20 ปี จากโทษสูงสุด 30 ปีในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรฯ และจำคุกนายสรยุทธ กับพวกอีก 1 คน เป็นเวลา 13 ปี 4 เดือน จาก 20 ปี ฐานเป็นผู้สนับสนุน โดยไม่รอลงอาญา พร้อมปรับบริษัทไร่ส้ม เป็นเงิน 80,000 บาท
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้สั่งปล่อยตัวชั่วคราวนายสรยุทธ นางพิชชาภา และน.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่บริษัท ไร่ส้ม จำกัด หลังจากที่ทนายความได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 2 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์คดี แต่ทั้งนี้มีเงื่อนไขห้ามจำเลยทั้ง 3 คนเดินทางออกไปนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล อีกทั้งให้มารายงานตัวต่อศาลทุก 30 วันด้วย