กรมป้องกันฯ เผยมีจังหวัดประสบภัยแล้ง 17 จังหวัด กำหนดโซนนิ่งช่วยเหลือ-เร่งจัดหาแหล่งน้ำสำรอง

ข่าวทั่วไป Monday March 21, 2016 10:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ภัยแล้งหลายพื้นที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำมากขึ้น โดยปัจจุบันมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) จำนวน 17 จังหวัด 67 อำเภอ 305 ตำบล 2,576 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 3.44 ของจำนวนหมู่บ้านทั่วประเทศ แยกเป็น ภาคเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, อุตรดิตถ์, พะเยา, สุโขทัย, นครสวรรค์ และน่าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา, นครพนม, มหาสารคาม, บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี, เพชรบุรี และชัยนาท ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว, จันทบุรี และชลบุรี

รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยแล้ง จึงได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานจังหวัดและหน่วยงานทุกภาคส่วนเร่งแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยดำเนินการสำรวจปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่ พร้อมประเมินและจัดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ภัยแล้ง เพื่อกำหนดโซนนิ่งการช่วยเหลือได้อย่างชัดเจนและสอดคล้องกับสภาพปัญหา วางแผนจัดหาแหล่งน้ำสำรอง พัฒนาแหล่งน้ำ ทั้งน้ำบาดาล สระน้ำชุมชน ฝายประชารัฐ พร้อมกำหนดมาตรการรองรับกรณีแหล่งน้ำดิบไม่เพียงพอต่อการผลิตน้ำประปาเพื่ออุปโภคบริโภคจัดหาเครื่องสูบน้ำ และรถบรรทุกน้ำให้บริการเติมน้ำใส่ถังน้ำกลางประจำหมู่บ้านในพื้นที่ประสบภัยแล้ง

นอกจากนี้ ให้จังหวัดใช้กลไก "ประชารัฐ" ในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำ ความจำเป็นในการควบคุมกิจกรรมการใช้น้ำของภาครัฐ พร้อมบูรณาการฝ่ายพลเรือนและหน่วยทหารเฝ้าระวังบริเวณจุดเสี่ยงที่มักมีการลักลอบสูบน้ำและเกิดปัญหาแย่งน้ำ พร้อมจัดทำประชาคมกำหนดกติกาการใช้น้ำไว้ล่วงหน้า เพื่อจัดสรรการใช้น้ำอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม

กรณีมีการลักลอบสูบน้ำ กั้นน้ำ และปัญหาแย่งน้ำของประชาชนในพื้นที่ ให้ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปด้วยความรวดเร็ว รวมถึงรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำ โดยวางแผนการใช้น้ำที่มีปริมาณจำกัดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเฉพาะเกษตรกรให้ปรับวิถีทำการเกษตรให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำ ทั้งนี้ เพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่ภาครัฐกำหนด ซึ่งจะทำให้มีน้ำอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ