นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมงได้จัดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “การสร้างผู้สังเกตการณ์บนเรือ" รุ่นที่ 2 (Fisheries Observer Onboard Program) ให้กับบุคคลที่จะคัดเลือกเข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์บนเรือประมงตามหลักมาตรฐานสากลสำหรับควบคุมการทำประมงของไทยให้ปราศจากการทำประมงที่ผิดกฎหมาย (IUU Fishing) ซึ่งมีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้ามาอบรม จำนวน 30 ราย โดยมีการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งด้านวิชาการ และสมรรถนะทางร่างกายและจิตใจ ให้สำหรับผู้จะเป็น Thailand Fisheries Observer Onboard โดยกรมประมงได้ส่งผู้เข้าอบรมลงเรือไปฝึกภาคปฏิบัติในทะเล ในระหว่างวันที่ 7 – 10 เมษายน 2559 เพื่อนำความรู้ข้อมูลทางวิชาการที่ได้อบรมมาฝึกปฏิบัติจริง ก่อนออกไปทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์บนเรือประมงและเรือขนถ่ายตามหลักมาตรฐานสำหรับควบคุมการทำประมงของไทยให้ปราศจากการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ภายใต้ พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558
ทั้งนี้ การเป็นผู้สังเกตการณ์บนเรือประมงจะต้องผ่านการคัดเลือกคุณสมบัติอย่างเข้มข้น อาทิ ด้านการศึกษา ต้องมีวุฒิประมงหรือสาขาที่เกี่ยวข้อง มีทักษะพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์ สถิติเบื้องต้น การใช้คอมพิวเตอร์ ทักษะทางด้านภาษาต่างประเทศ มีสภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรง และเป็นเพศชายที่พร้อมจะลงไปปฏิบัติหน้าที่บนเรือได้เป็นเวลานานๆ เพื่อไปทำหน้าที่สังเกตการณ์บนเรือประมงไทยที่ทำการประมงในเขตทะเลหลวง เรือประมงไทยที่ออกไปทำประมงในน่านน้ำของรัฐชายฝั่งอื่น และเรือประมงที่ขนถ่ายสัตว์น้ำนอกน่านน้ำ "ผู้เข้ารับการฝึกอบรมจะได้เรียนรู้ทั้งหลักทฤษฎีและปฏิบัติ รวมทั้งเกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องทั้งในเรื่องของอำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบ จรรยาบรรณของผู้สังเกตการณ์ ความรับผิดชอบของผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำการประมงนอกน่านน้ำไทย กรอบโครงสร้างด้านกฎหมายและนโยบาย การจัดการประมง และการตรวจสอบความปลอดภัยก่อนการปฏิบัติงานในทะเล เป็นต้น"นายธีรภัทร กล่าว
ด้านนายวิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า ความรู้ที่ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับ จะเป็นประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมและใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการบันทึกข้อมูลการทำประมง อาทิ ชนิดของเครื่องมือที่ใช้ทำการประมง ชนิดสัตว์น้ำ ปริมาณสัตว์น้ำ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงอัตราการจับสัตว์น้ำและการประเมินทรัพยากรประมง เพื่อนำไปสู่การจัดการประมงที่ยั่งยืน รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับนานาชาติว่ากิจกรรมการทำประมงของเรือประมงไทยไม่เกี่ยวข้องกับการทำประมงผิดกฎหมายอย่างแน่นอน ก่อให้เกิดการยอมรับในการส่งออกสินค้าประมงไทยและคงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำ