นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขว่าด้วยเรื่องการดื้อยาต้านจุลชีพในเอเชีย (Tokyo Meeting of Health Ministers on Antimicrobial Resistance in Asia) ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผู้แทนของ 12 ประเทศ ได้แสดงวิสัยทัศน์และแลกเปลี่ยนความก้าวหน้าในการพัฒนาและดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ของประเทศ (National Action Plan) ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์โลกว่าด้วยการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพ (Global Action Plan on AMR) ที่ผ่านการเห็นชอบจากการประชุมสมัชชาอนามัยโลกครั้งที่ 68 พ.ศ.2558
ทั้งนี้ ที่ประชุมรับรองแถลงการณ์ของรัฐมนตรีสาธารณสุข (Ministerial Communique) ว่าด้วยความร่วมมือของประเทศในแถบเอเชีย-แปซิฟิกในการจัดการปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพในเอเชีย โดยประเทศญี่ปุ่นจะนำแถลงการณ์ของรัฐมนตรีสาธารณสุขจากการประชุมนี้ นำเสนอในการประชุมระดับผู้นำประเทศกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ (G7 Summit) ในเดือนพ.ค.59 และในการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ ระดับรัฐมนตรีสาธารณสุข ในเดือนก.ย.59 เพื่อขับเคลื่อนเรื่องปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพ เข้าสู่การประชุมระดับสูงของการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ในเดือนกันยายน 2559 ต่อไป
นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้จัดโดยกระทรวงสาธารณสุขแรงงานและสวัสดิการของญี่ปุ่น ร่วมกับสำนักงานองค์การอนามัยโลก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก โดยมีรัฐมนตรีสาธารณสุขและผู้แทนจาก 12 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย, บังกลาเทศ, จีน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย, เกาหลีใต้, เมียนมา, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, ไทย และเวียดนาม เข้าร่วมประชุมโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะกระตุ้นเจตจำนงและความมุ่งมั่นทางการเมือง (Political Commitment) เพื่อแก้ปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพ (Antimicrobial resistance: AMR) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ปัจจุบันปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ยาปฏิชีวนะซึ่งใช้ในการป้องกันและรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียและจุลชีพอื่นๆ กลับมีประสิทธิภาพลดลง เนื่องจากมีการใช้เกินความจำเป็น ทำให้เชื้อแบคทีเรียมีพัฒนาการดื้อยาได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับบริษัทผู้ผลิตยาไม่มีแรงจูงใจในการผลิตยาปฏิชีวนะชนิดใหม่ๆ ทำให้ทุกประเทศทั่วโลกตกอยู่ในวิกฤตร่วม คือกำลังเข้าสู่ยุคที่โรคติดเชื้อที่เดิมเคยรักษาหาย กลับรักษาไม่หายเพราะเชื้อดื้อยา หากไม่รีบแก้ไขคาดว่าใน พ.ศ.2593 ทั่วโลกจะมีคนเสียชีวิตจากปัญหาเชื้อดื้อยารวม 10 ล้านคน และประเทศในทวีปเอเชียจะได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะจะเสียชีวิตมากที่สุดสูงถึง 4.7 ล้านคน
นอกจากนี้ ปัญหาเชื้อดื้อยายังส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งต่อการปศุสัตว์ การประมง การเพาะปลูก การค้าระหว่างประเทศ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วไป และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ (medical tourism) เนื่องจากแก้ปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพ สามารถแพร่กระจายข้ามพรมแดนได้โดยผ่านการเคลื่อนย้ายของคน สัตว์ และสินค้าทางการเกษตร