นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงอากาศแปรปรวน โดยมีอากาศร้อนจัดสลับกับมีพายุลมแรง ฝนตกในหลายพื้นที่ ประชาชนกลุ่มเสี่ยงป่วยง่าย เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เสี่ยงป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งปีนี้ตั้งแต่ 1 ม.ค.-2 พ.ค. พบผู้ป่วยแล้ว 46,618 คน เสียชีวิต 3 ราย และยังพบผู้ป่วยโรคปอดบวมที่เป็นภาวะแทรกซ้อนได้บ่อย จึงกำชับสำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดทั่วประเทศ ดำเนินการดังนี้
1.กรณีพบระบาดเป็นกลุ่มก้อน เตรียมพร้อมเข้าดูแลผู้ป่วย และหน่วยเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็วเข้าสอบสวนและควบคุมโรค 2.ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เฝ้าระวังโรคในชุมชน รวมทั้งให้คำแนะนำประชาชนในการส่งเสริมสุขภาพอนามัย 3.ประชาสัมพันธ์การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ให้กับประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง เน้นสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เช่น โรงเรียน ค่ายทหาร สถานประกอบการ และ 4.ให้สถานพยาบาลทุกแห่ง ยึดแนวทางการคัดกรองและการดูแลรักษาผู้ป่วย ของกระทรวงสาธารณสุข โดยเน้นการให้ยาโอเซลทาร์มิเวียร์ (Oseltamivir) ในผู้ป่วยที่อาการรุนแรงและกลุ่มเสี่ยง กำชับให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
"ขอความร่วมมือประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปถึง 2 ปี หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป และผู้ที่เป็นโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย มะเร็งที่กำลังให้เคมีบำบัด และเบาหวาน เข้ารับการฉีดวัคซีนได้ฟรี ที่โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลศูนย์ รวมทั้งโรงพยาบาลอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม-31กรกฎาคม 2559" ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้แม้ไม่ได้รับวัคซีน โดยยึดหลักสุขอนามัยที่ดี หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หลีกเลี่ยงคลุกคลีกับผู้ป่วย ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วย ไม่อยู่ในที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่ดีเป็นเวลานาน หากสงสัยป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ มีไข้สูง ไอ และอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาทันทีป้องกันการเสียชีวิต ส่วนผู้ป่วยทั่วไป ควรหยุดงาน หยุดเรียน อยู่บ้าน ถ้าต้องไปสถานที่สาธารณะหรือขึ้นรถโดยสาร ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น หากอาการรุนแรง เช่น หอบเหนื่อย ควรพบแพทย์ทันที