พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลขอบคุณสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNOHCHR) ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่แสดงความยินดีกับรัฐบาล หลังจากที่ ครม.ผ่านร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายว่าเป็นก้าวย่างที่ดีในการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
“รัฐบาลมีความจริงใจในการดูแลคุ้มครองและปกป้องสิทธิมนุษยชนของคนในแผ่นดินนี้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งรวมไปถึงผู้ที่กระทำผิดกฎหมายให้ได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้อง ไม่เคยใช้ความรุนแรง ทรมาน หรือทำสิ่งใดนอกเหนือไปจากข้อกำหนดทางกฎหมายหรือหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ โดยทุกฝ่ายทั้งในและต่างประเทศสามารถตรวจสอบได้ในทุกกรณี"
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า รัฐบาลประกาศชัดเจนมาโดยตลอดว่า ประเทศชาติได้รับความบอบซ้ำเสียหายมามากจากการบริหารงานที่ผิดพลาดในอดีต จึงจำเป็นต้องเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ คืนความสงบเรียบร้อย วางรากฐานไปสู่การมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ และปฏิรูปประเทศอย่างยั่งยืนตามความต้องการของคนส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาพิเศษในการเปลี่ยนผ่านประเทศ มีการออกกฎหมายเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ซึ่งแน่นอนว่าอาจกระทบความรู้สึกของผู้ที่ยึดมั่นในหลักการหรือผู้ที่เสียประโยชน์บ้าง
“ต้องยอมรับว่าแม้รัฐบาลจะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแต่ไม่เคยคิดจะละเมิดสิทธิ์ใครทั้งสิ้น และไม่ต้องการเห็นใครมีอภิสิทธิ์อยู่เหนือกฎหมายเช่นกัน ในทางตรงกันข้ามหากมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง แต่คนในรัฐบาลลุแก่อำนาจ ปราบปรามฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามโดยอ้างนโยบาย เช่น ปราบยาเสพติด/ผู้มีอิทธิพล ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก หรือรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จจนเกิดทุจริตคอร์รัปชัน ครอบงำสื่อและผู้นำชาวบ้าน ฯลฯ จึงอยากให้สังคมพิจารณาว่าพฤติกรรมเหล่านี้ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่"