พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เปิดศูนย์ปราบโกงประชามติว่า การคิดจะตั้งศูนย์หรือกลุ่มกองอะไร เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่ามีหน้าที่ตามกฎหมายหรือไม่ ทำแล้วเหมาะสมหรือไม่ ตั้งขึ้นแล้วจะได้รับความเชื่อถือหรือไม่เป็นอีกประเด็นหนึ่ง หากผู้กระทำการในศูนย์ยังเป็นผู้มีคดีความติดตัวที่ยังไม่สะสางให้กระจ่าง การจะมาเสนอตัวว่าจะช่วยรักษากฎหมายก็คงดูแปลกประหลาดและคงไม่เหมาะสมเท่าไรนัก เพราะคนที่จะมาทำหน้าที่นี้ได้ ควรเป็นคนที่ไม่มีประวัติด่างพร้อยและมีความน่าเชื่อถือ ที่สำคัญต้องมีความเป็นกลางทางการเมืองอย่างแท้จริง มิใช่คนที่มีพฤติกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบเลือกข้างมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ขอฝากไปถึงกลุ่ม นปช.ว่า ก่อนที่จะคิดไปปราบปรามว่าใครกระทำผิดกฎหมาย กลุ่ม นปช.เองก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายให้ได้ก่อน อาทิ คำสั่ง คสช.ที่ 7/2557 เรื่องห้ามการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ก็ยังมีผลบังคับใช้ และห้ามล่วงละเมิด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีหน้าที่ต้องเข้าไปติดตามดูแลความสงบเรียบร้อยให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย เพื่อมิให้ใครฉวยโอกาสแอบแฝงทำกิจกรรมที่ละเมิดต่อระเบียบของบ้านเมือง การที่ นปช. กล่าวว่า หากหน่วยงานรัฐไม่ให้ตั้งศูนย์ แสดงว่าหน่วยงานรัฐตั้งใจจะโกงประชามตินั้น ถือเป็นการด่วนสรุปไปเองตามความคิด พฤติกรรม และประสบการณ์ที่คุ้นชินในแวดวงของนักการเมืองบางคนบางกลุ่ม ขณะที่รัฐบาลไม่เคยมีความคิดแบบนั้น
"ความจริงแล้ว กลุ่ม นปช.ไม่ควรวิตกกังวลเรื่องการโกงที่ยังไม่เกิดขึ้นมากนัก หากใจคิดอยากจะช่วยประเทศชาติโดยบริสุทธิ์ใจแล้ว ควรใช้สรรพกำลังที่มีอยู่ไปติดตามเงินงบประมาณแผ่นดินที่ถูกนักการเมืองโกงไปแล้วจะดีกว่า ไม่ว่าจะการโกงในคดีจำนำข้าว การโกงในโครงการบ้านเอื้ออาธร การฉ้อโกงในคดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น เหล่านี้เป็นการโกงที่เกิดขึ้นแล้ว และประเทศชาติเสียหายแล้วอย่างชัดเจน"พล.ต.สรรเสริญกล่าว