นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม กล่าวภายหลังเยี่ยมชมรถโดยสารปรับอากาศระบบดีเซลและไฟฟ้า (Hybrid) ของบริษัท ฮีโน่มอเตอร์เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นำมาวิ่งทดสอบประสิทธิภาพและสมรรถนะว่า ขสมก.จะนำรถไฮบริดวิ่งทดสอบรวม 10 เส้นทางๆ ละ 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. -15 พ.ย.59 รวม 5 เดือน ได้แก่ เส้นทางสาย A1, A2, 510, 522, 77, 137, 140, 138, 511, และ 145 โดยจัดเก็บค่าโดยสารตามอัตราปกติ
รมช.คมนาคม กล่าวว่า ทางบริษัท ฮีโน่ให้ข้อมูลว่ารถเมล์ไฮบริดจะช่วยทำให้ ขสมก.มีค่าใช้จ่ายประหยัดกว่ารถเมล์ดีเซลประมาณ 37% ซึ่ง ขสมก.จะทดลองและเก็บสถิติว่าเป็นความจริงหรือไม่
สำหรับรถเมล์ไฮบริดมีราคาประมาณ 8 ล้านบาทต่อคัน โดยนำเข้าทั้งคัน แต่หาก ขสมก.จะจัดหามาใช้ รัฐบาลมีนโยบายจะต้องประกอบและต่อตัวถังภายในประเทศ โดยนำเข้าคลัสซี แบตเตอรี่ และเครื่องยนต์ ซึ่งราคาจะลดลงอีก หากอยู่ที่คันละประมาณ 5-6 ล้านบาทก็ถือว่าน่าพอใจ
รมช.คมนาคม กล่าวถึงการปรับปรุงแผนจัดซื้อรถเมล์ใหม่ว่า จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอยกเลิกการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นเชื้อเพลิงจำนวน 3,183 คัน วงเงิน 13,162.2 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอ ครม.ได้อย่างช้าในเดือน ก.ค.นี้ โดยจะปรับเป็นการซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน และรถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 200 คัน โดยกรอบวงเงินรวมปรับลงจากแผนจัดซื้อรถเมล์จะลดลงเหลือประมาณ 4,300 ล้านบาท ซึ่งประหยัดงบประมาณจากเดิมได้ถึง 8,000 ล้านบาท
ขณะนี้ ขสมก.อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติผู้เสนอราคาจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน จำนวน 3 ราย ทราบว่าผ่านคุณสมบัติแล้ว 2 ราย เหลือตรวจอีก 1 ราย และจะมีการเปิดให้เสนอราคาในวันที่ 8 ก.ค.นี้
นอกจากนี้ ขสมก.จะเร่งรัดการจัดซื้อรถเมล์ไฟฟ้านำร่องก่อน 20 คัน เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการว่า ต้องการให้เร่งจัดหารถเมล์ไฟฟ้ามาวิ่งให้บริการประชาชนภายในวันที่ 1 พ.ย.59 ซึ่งตนเองจะหารือกับ ขสมก.ถึงแผนการจัดหา ระยะเวลา เพื่อสรุปวิธีการจัดหาเพื่อให้ทันกับข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่ทราบว่าจะต้องใช้วิธีพิเศษหรือไม่ ต้องพิจารณารายละเอียดก่อน โดยราคารถเมล์ไฟฟ้านำเข้าทั้งคันกรณีเสียภาษีอยู่ที่ 13-15 ล้านบาท หากไม่รวมภาษีอยู่ที่ 10 ล้านบาท ซึ่งหากต้องการเร่งด่วนก่อน 20 คัน คงต้องนำเข้าทั้งคัน ไม่เช่นนั้นคงไม่ทันเดือน พ.ย.59