พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้จะเข้าสู่วันหยุดยาวในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา คาดว่าประชาชนส่วนหนึ่งจะเดินทางกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยว และทำบุญทางศาสนา จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ นายกรัฐมนตรีห่วงใยความปลอดภัย ในการเดินทางของประชาชน จึงได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ปี พ.ศ.2559 ที่มุ่งเน้นมาตรการเชิงป้องกัน เฝ้าระวัง ลดปัจจัยเสี่ยง และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นกับผู้กระทำผิด
ซึ่งจะได้ประสานให้จังหวัดดำเนินการจัดตั้ง “ด่านชุมชน" ในพื้นที่จุดเสี่ยงอุบัติเหตุ เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นกับผู้กระทำผิดกฎหมายจราจร โดยเฉพาะเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว และไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย รวมถึงประสานความร่วมมือทุกภาคส่วนรณรงค์การใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย พร้อมจัดกิจกรรมการสวดมนต์ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน
ทั้งนี้ ศปถ.ได้ผลักดันการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้ทันในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2560 ใน 5 ประเด็น ดังนี้ 1) เมาแล้วขับ กำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดในกลุ่มผู้ขับขี่ที่ไม่บรรลุนิติภาวะ และผู้มีใบอนุญาตขับขี่ชั่วคราว เพิ่มบทลงโทษ และเชื่อมโยงฐานข้อมูลผู้กระทำความผิดซ้ำ โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม และกระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ
2) ขับรถเร็ว เสนอปรับลดความเร็วในเขตเมืองให้เหมาะสม และเพิ่มโทษผู้กระทำผิด โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงคมนาคม และกระทรวง มหาดไทย เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ 3) การออกใบอนุญาตขับขี่ เพิ่มความเข้มงวดในการออกใบอนุญาตขับขี่ ตามมาตรการ “ออกยาก ยึดง่าย" และเพิ่มโทษเป็นโทษทางอาญาสำหรับผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาต โดยมีกรมการขนส่งทางบก เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ
4) การป้องกันอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ ต้องมีการรายงานตรวจสอบสภาพรถในการเสนอขอใบอนุญาตประกอบการขนส่ง พร้อมปรับปรุงระบบการเยียวยาเพื่อคุ้มครองผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยมีกรมการขนส่งทางบก คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ และ 5) การคาดเข็มขัดนิรภัย โดยให้ผู้โดยสารด้านหลังของรถโดยสารส่วนบุคคลต้องคาดเข็มขัดนิรภัย โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ
ทั้งนี้ ศปถ.จะได้นำแนวคิด แนวทางในการปรับปรุงกฎหมาย ทั้ง 5 ประเด็น เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ เพื่อให้ความเห็นชอบในหลักการและเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) กล่าวว่า ศปถ.จะได้นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของที่ประชุมฯ ในวันนี้ รวมถึงบทเรียนจากการดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2559 มาเป็นแนวทางในการสร้างการสัญจรที่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ปี พ.ศ. 2559 ที่ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมประสานหน่วยปฏิบัติในพื้นที่วางมาตรการ และแนวทางการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของประชาชนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้เหลือน้อยที่สุด และสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในสังคมไทยอย่างยั่งยืน