นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงแนวทางการจัดสรรเงินหลักงบประมาณประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปี 2560 ว่า คณะกรรมการร่วมกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ยึดแนวทางจัดสรรเดิมของปีงบประมาณ 2559 แต่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เช่น การดูแลผู้สูงอายุจาก 1 แสนคนเป็น 1.5 แสนคน
โดยในปี 2560 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณสำหรับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจำนวน 165,773.01 ล้านบาท ประกอบด้วย กองทุนเหมาจ่ายรายหัว และกองทุนนอกเหมาจ่ายรายหัว โดยจัดสรรเป็นกองทุนนอกงบเหมาจ่ายรายหัว 5 กองทุน ได้แก่ 1.บริการผู้ป่วยเอดส์และผู้ติดเชื้อเอชไอวี 3,122.40 ล้านบาท 2.บริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง 3,529.23 ล้านบาท 3.บริการควบคุม ป้องกันและรักษาโรคเรื้อรัง 960.40 ล้านบาท 4.ค่าใช้จ่ายสำหรับโรงพยาบาลในพื้นที่กันดาร เสี่ยงภัย และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 1,490.28 ล้านบาท และ 5.ค่าบริการสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง 900 ล้านบาท
"ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมุ่งเน้นงานส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ได้มีการจัดงบประมาณสนับสนุน ระบบบริการปฐมภูมิ(Primary Care Clusters)เพื่อบริการประชาชนที่เข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างจำกัด เพื่อลดระยะเวลารอคอย ลดความแออัด ให้เกิดบริการทุกที่ ทุกเวลาด้วยเทคโนโลยี โดยเน้นรักษาโรคเรื้อรัง การเจ็บป่วยที่ไม่ซับซ้อน และการดูแลแบบองค์รวมโดยบูรณาการทีมแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว" นพ.ปิยะสกล กล่าว
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ปลัด สธ. กล่าวว่า สำหรับงบประมาณเหมาจ่ายรายหัว เพื่อบริการทางการแพทย์ต่างๆ 109,463.44 ล้านบาท คิดเป็น 3,109.87 บาทต่อผู้มีสิทธิ แบ่งเป็นเงินสำหรับการดำเนินงานดังนี้ 1.สำหรับให้บริการผู้ป่วยนอก 2.ผู้ป่วยใน 3.ส่งเสริมป้องกันโรค 4.บริการกรณีที่มีค่าใช้จ่ายสูง 5.บริการฟื้นฟูด้านการแพทย์ 6.บริการแพทย์แผนไทย 7.งบลงทุน และ8.เงินช่วยเหลือผู้รับบริการ/ผู้ให้บริการ
สำหรับแนวทางการจัดสรรงบประมาณมุ่งเน้นให้สามารถจัดบริการที่เสมอภาคและเท่าเทียมลดความเหลื่อมล้ำ โดยการจัดการความเสี่ยงในโรคที่เข้าถึงได้ยาก จะตั้งงบประมาณไว้ในระดับประเทศที่ สปสช. ส่วนโรคอื่นๆ ที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนให้มีการจัดการในระดับเขตบริการสุขภาพ เน้นให้หน่วยบริการมีงบดำเนินการเพียงพอต่อการบริการประชาชนที่จำเป็น ทั้งนี้ จะมีการหารือแนวทางการจัดสรรอีกครั้งภายในวันที่ 25 กรกฎาคม 2559 เพื่อสรุปแนวทางการจัดสรร จากนั้นจะเสนอผ่านคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป