กรมควบคุมโรค ขอความร่วมมือเข้มมาตรการ“โรคมือ เท้า ปาก"หากพบเด็กป่วยมากกว่า 1 ห้องเรียนให้พิจารณาปิดชั่วคราว

ข่าวทั่วไป Saturday July 16, 2016 14:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแพทย์อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้จะพบเด็กเล็กป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก ได้บ่อยครั้ง ซึ่งโรคนี้เกิดได้ประปรายตลอดปี แต่จะเพิ่มมากขึ้นในฤดูฝน เพราะอากาศที่เย็นและชื้น จะเอื้อต่อการระบาดของโรคได้ง่าย โรคนี้จะเกิดบ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เนื่องจากเด็กมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ ประกอบกับเด็ก ๆ อยู่ในสถานที่ที่รวมกันจำนวนมาก เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล รวมถึงสถานรับเลี้ยงเด็ก ซึ่งอาจเกิดการแพร่กระจายเชื้อโรคสู่กันได้ง่าย

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล และสถานรับเลี้ยงเด็ก ดำเนินการตรวจคัดกรองเด็กในตอนเช้าและลงบันทึกทุกวัน หากพบว่ามีเด็กป่วย กรมควบคุมโรคขอแนะนำให้ดำเนินตามแนวทางป้องกันควบคุมโรคมือ เท้า ปาก ดังนี้ 1.แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ 2.แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่รับผิดชอบ 3.แจ้งให้ผู้ปกครองรับกลับบ้านและพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา และ 4.ทำความสะอาดอุปกรณ์ ของใช้ ของเล่น เป็นประจำทุกสัปดาห์และทุกครั้งที่มีเด็กป่วย หากพบอีกว่าในห้องเรียนเดียวกันมีเด็กป่วยมากกว่า 2 รายใน 1 สัปดาห์ ควรพิจารณาปิดห้องเรียนนั้น และดำเนินการตามแนวทางป้องกันควบคุมโรค หรือหากพบเด็กป่วยมากกว่า 1 ห้องเรียน ให้พิจารณาปิดสถานที่ดังกล่าวชั่วคราว อย่างน้อย 5 วันทำการ และดำเนินการตามแนวทางป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้น

จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-11 กรกฎาคม 2559 ทั่วประเทศพบผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปาก จำนวน 31,052 ราย และเสียชีวิต 1 ราย โดยผู้ป่วยเพิ่มจากสัปดาห์ที่ผ่านมาเกือบ 6,000 ราย เฉพาะเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มีผู้ป่วยรวม 27,840 ราย หรือร้อยละ 90 ของผู้ป่วยทั้งหมด ส่วนผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปาก ในปี 2558 ตลอดทั้งปีมีผู้ป่วย 41,392 ราย และเสียชีวิต 3 ราย

นายแพทย์อำนวย กล่าวต่อไปว่า โรคนี้ส่วนใหญ่พบผู้ป่วยในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก รวมถึงสวนสนุกในห้างสรรพสินค้า เช่น บ้านบอล อุปกรณ์เด็กเล่น เป็นต้น ส่วนการติดต่อเกิดจากการได้รับเชื้อที่ปนเปื้อนในจากอุจจาระ หรือฝอยละออง น้ำมูกน้ำลาย น้ำในตุ่มพองหรือแผลของผู้ป่วยเข้าสู่ปาก โดยหลังจากได้รับเชื้อ 3-6 วัน ผู้ติดเชื้อจะเริ่มแสดงอาการป่วย อาการที่พบบ่อยได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดเมื่อย เป็นต้น โดยจะปรากฏอาการดังกล่าวอยู่ 3-5 วัน แล้วหายได้เอง หรือมีอาการไข้ร่วมกับตุ่มพองเล็กๆ เกิดขึ้นที่ผิวหนังบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และในปาก โดยตุ่มแผลในปากนั้น บริเวณรอบๆ จะอักเสบและแดงต่อมาตุ่มจะแตกออกเป็นแผลหลุมตื้นๆ เป็นสาเหตุให้เด็กไม่ดูดนม ไม่กินอาหารเพราะเจ็บปาก

สำหรับการรักษาจะเป็นการรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด เนื่องจากโรคนี้ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง ในรายที่มีแผลที่ลิ้นหรือกระพุ้งแก้ม ผู้ปกครอง/ผู้เลี้ยงดูเด็ก ควรให้ผู้ป่วยกินอาหารอ่อน รสไม่จัด ดื่มน้ำและน้ำผลไม้ เช็ดตัวเด็กเพื่อลดไข้ และนอนพักผ่อนมากๆ ส่วนวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคมือ เท้า ปาก คือ การรักษาสุขอนามัยให้สะอาดอยู่เสมอ โดยยึดหลัก “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ" หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น

นอกจากนี้ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล และสถานรับเลี้ยงเด็ก ต้องจัดให้มีอ่างล้างมือและส้วมที่ถูกสุขลักษณะ รวมถึงดูแลรักษาสุขลักษณะของสถานที่และอุปกรณ์เครื่องใช้ให้สะอาดอยู่เสมอโดยทำความสะอาดพื้น เครื่องใช้ หรือของเล่นเด็ก ด้วยน้ำยาทำความสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างน้อยวันละครั้ง


แท็ก ทารก  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ