นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้สั่งการให้ บมจ. ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคลและสายฉลองรัชธรรม และหน่วยงานด้านความปลอดภัยของรฟมให้ดำเนินการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด หลังจากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สำคัญหลายแห่งทางภาคใต้ของประเทศตามนโยบายของรมว.คมนาคม โดยจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม., เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสัมภาระผู้โดยสาร , ตรวจบริเวณโดยรอบสถานี และ ภายในสถานีรถไฟฟ้า เพื่อป้องกันเหตุโดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่, จัดรถยนต์สายตรวจ ตรวจรอบบริเวณศูนย์ซ่อมบำรุง ทุก 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 23.00 น. ถึง 7.00 น.,
รวมทั้ง จัดกำลังหน่วยทำลายวัตถุระเบิด (EOD.) และสุนัข K-9 ตรวจตราและเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง, เตรียมกำลังหน่วยกู้ภัยพร้อมอุปกรณ์ในที่ตั้งตลอด 24 ชั่วโมง., ประสานงานเพื่อตรวจสอบข่าวกับหน่วยความมั่นคงและตำรวจสันติบาลตลอดเวลา และ เพิ่มการตรวจใต้ท้องรถยนต์และที่เก็บของท้ายรถยนต์ ที่เข้ามาใช้บริการในอาคารจอดรถของ รฟม.
จึงขอความร่วมมือผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT โปรดให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และหากพบเห็นเหตุการณ์ ผิดปกติ สิ่งของต้องสงสัย หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานที่อยู่ในบริเวณนั้นทันที หรือแจ้งศูนย์วิทยุพสุธา รฟม. หมายเลขโทรศัพท์ 0-2938-3666 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ได้มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัด โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบริการขนส่งสาธารณะ เพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในการเดินทาง ซึ่งในส่วนของการรถไฟฯ ล่าสุด ตนได้ลงพื้นที่ตรวจตราความปลอดภัยตามสถานีรถไฟต่างๆ พร้อมกับมอบนโยบายในการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็น แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้มีการเฝ้าระวังป้องกันอย่างเข้มงวด
“สั่งการให้พนักงานของการรถไฟฯ ทั้งที่ปฏิบัติหน้าที่ประจาสถานี และบนขบวนรถไฟ เพิ่มการกวดขันตรวจตราสัมภาระของผู้โดยสารที่นามาในสถานี รวมถึงสัมภาระที่อยู่ในห้องรับฝากสัมภาระ สิ่งของที่นามาใช้บริการรับส่งสินค้าโดยรถไฟ ตลอดจนตรวจตราความเรียบร้อยในขบวนรถและห้องโดยสาร หากพบวัตถุต้องสงสัย หรือสิ่งแปลกปลอม ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงให้เข้ามาตรวจสอบอย่างเร่งด่วน"
ส่วนกรณีการตรวจพบวัตถุต้องสงสัยที่สถานีรถไฟหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจสอบแล้วทราบว่า วัตถุต้องสงสัยเป็นเพียงกล่องเสื้อผ้า ไม่ใช่ระเบิด และสถานีรถไฟหัวหิน ได้เปิดให้บริการประชาชนตามปกติแล้ว แต่ได้สั่งการให้มีการเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังต่อไป
นายวุฒิชาติกล่าวด้วยว่า ยังสั่งการเพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบระบบทาง ระบบอาณัติสัญญาณ รางประแจรถไฟทั่วประเทศอย่างถี่ถ้วน ป้องกันไม่ให้กลุ่มคนร้ายเข้ามาก่อเหตุความไม่สงบจนเกิดความเสียหายต่อผู้โดยสาร และการเดินรถ เช่นเดียวกับการตรวจสอบการทางานของระบบกล้องวงจรที่ติดตั้งภายในสถานีรถไฟ ให้มีความพร้อมในการใช้งานตลอดเวลา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลมาตรการการรักษาความปลอดภัยสูงสุดแบบครบวงจร
นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานความมั่นคง ทั้งเจ้าหน้าที่ตารวจ ทหาร และตารวจรถไฟ ให้เข้ามาช่วยตรวจตราดูแลความเรียบร้อยโดยรอบ และภายในสถานีรถไฟต่างๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับขอความร่วมมือประชาชน ผู้โดยสาร ช่วยเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลความเรียบร้อยในห้องโดยสาร และสถานี หากพบสิ่งแปลกปลอม หรือวัตถุต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่รถไฟที่อยู่ใกล้ หรือโทรศัพท์แจ้งได้ที่ สายด่วน โทร 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้วางมาตรการเข้มด้านความปลอดภัยกับสถานี 7 แห่งที่อยู่ในความดูแล ได้แก่ ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการระมัดระวังและช่วยกันสังเกตุ สิ่งของต้องสงสัย หรือสัมภาระที่ไม่มีเจ้าของ หากพบวัตถุต้องสงสัยแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชม. , ให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและดูความเคลื่อนไหวในกล้องวงจรปิดทุกตัวตลอด 24 ชม. และ จัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจตราทุกพื้นที่ ร่วมกับทหาร ตำรวจ ตลอด 24 ชม.