พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนท์กับทุกหน่วยของตำรวจ โดยเปิดเผยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้เน้นย้ำเรื่องการเพิ่มการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะตามแหล่งท่องเที่ยว สถานที่ต่าง ๆ ซึ่งในช่วง 24 ชัวโมงที่ผ่านมา สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น แต่ยังคงตรึงกำลังตามจุดตรวจความมั่นคงและจุดตรวจปกติ รวมถึงจุดตรวจเพิ่มเติมเช่นเดิม พร้อมขอให้ประชาชนมีความมั่นใจการทำงานของทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง
"ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังย้ำเรื่องการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่จะต้องอยู่ในสภาพใช้งานได้ทุกจุด ทั้งพื้นที่ล่อแหลม และพื้นที่เอกชนทั่วไป โดยวันนี้จะมีการตรวจสอบสภาพการใช้งานทั้งหมดอีกครั้ง"พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนพยาน และตรวจสอบหลักฐาน ขณะนี้ทางพื้นที่เกิดเหตุนำส่งวัตถุพยานทุกชิ้น มาตรวจสอบแล้ว รวมถึงการตรวจสอบดีเอ็นเอ ที่อยู่ระหว่างการเทียบเคียงกับวัตถุพยานที่เคยเก็บไว้ในพื้นที่ 3 จังหวัดขายแดนภาคใต้ ตามที่มีข้อสันนิษฐาน ซึ่งถือเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ โดยในเบื้องต้นนี้ พบว่าการก่อเหตุในส่วนของ 7 จังหวัดทุกจุดมีความเชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน จึงเชื่อว่าเป็นกลุ่มขบวนการเดียวกัน และ มีการสั่งการจากบุคคลใดบุคคลหนึ่งแน่นอน
ส่วนกรณีการออกหมายจับผู้ต้องหาลอบวางเพลิงห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส จ.นครศรีธรรมราชนั้น ตำรวจมีหลักฐานชัดเจน โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะนี้อยู่ในการควบคุมตัวสอบสวนภายในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 หากพบว่ามีหลักฐานเพิ่มเติม ที่เกี่ยวกับเหตุระเบิด พนักงานสอบสวนสามารถขอให้ศาลทหารอนุมัติหมายจับเพิ่มเติมได้
"ในการเชิญตัวบุคคลเข้ามาให้ปากคำ หากไม่มีความเกี่ยวข้องก็อย่าเป็นกังวล และขอให้พูดความจริง ซึ่งจากการสอบปากคำพยานหลายคน ต่างให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งจะนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัยต่อไป"พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว
*คุมตัวหนุ่มบริษัทน้ำมันสอบสวน หลังมีหลักฐานมัดมีเอี่ยวเหตุระเบิด-ไฟไหม้ภาคใต้
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ตำรวจสามารถควบคุมตัวนายศักรินทร์ หรือเชษฐ์ คฤหัสถ์ อายุ 32 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ที่เป็นโรงเรือนอันเป็นที่เก็บหรือทำสินค้า เบื้องต้นพบหลักฐานว่านายศักรินทร์ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการวางระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ในช่วงวันที่ 7-12 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีหลักฐานสำคัญเป็นภาพวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส สาขาจังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะถือถุงพลาสติกเข้าไปในห้าง จำนวน 2 ถุง แต่ถือถุงพลาสติกกลับออกมาเพียง 1 ถุง ซึ่งตำรวจเชื่อว่าพยานหลักฐานที่มีนั้น สามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้อย่างแน่นอน
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งหลักฐานและวัตถุพยาน มาที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง โดยจะเปรียบเทียบกับตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ต้องหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เบื้องต้นมีผลออกมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ต้องรอผลการสอบสวนจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อความไม่สงบในระดับใด รวมทั้งจะเชื่อมโยงกับบุคคลใดบ้าง แต่ยืนยันว่า เหตุวางเพลิงและเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นขบวนการเดียวกันอย่างแน่นอน ส่วนมูลเหตุจูงใจต้องตรวจสอบจากพยานหลักฐาน และการสอบปากคำเพิ่มเติม และเชื่อว่าไม่มีความเชื่อมโยงกับเหตุความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้