พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ระบุถึงเหตุคนร้ายก่อเหตุเผาและระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ในช่วงวันหยุดว่า เป็นการก่อวินาศกรรมป่วนเมือง ไม่ใช่เป็นการก่อการร้าย และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีวันที่ 17 ส.ค.58 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขยายผล
"จากประสบการณ์การทำงาน ความรู้ความสามารถพอจะแยกแยะออกว่าเป็นการก่อวินาศกรรมป่วน ไม่ใช่การก่อการร้ายเหมือนในต่างประเทศที่ผู้ก่อเหตุจะออกมาประกาศตัวว่าเป็นผู้ก่อเหตุ แต่ครั้งนี้ยังไม่มีใครออกมาประกาศตัวรับผิดชอบ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าตามลำดับ โดยความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ทำให้สามารถเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดออกไป โดยเฉพาะสมมุติฐานว่ามีความเกี่ยวข้องกับผลการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
"ขอเวลาทำงานก่อน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยังไม่เห็นครบทั้งขบวนการ แต่เริ่มเห็นภาพชัดบางส่วนแล้ว" พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดของคดีได้ไปมากกว่านี้ เนื่องจากเป็นเนื้อหาในสำนวน สำหรับการออกหมายจับเพิ่มเติมนั้นรอหลักฐานที่ชัดเจนมากกว่านี้
ส่วนการออกหมายจับลูกจ้างแท่นเจาะน้ำมันนั้นเป็นความหวังดีของ ผบช.ภ.8 ที่มีหลักฐาน ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างพูดคุยเพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยการควบคุมตัวในขณะนี้เป็นไปตามมาตรา 44 ส่วนการจับกุมตัวชายไทยมุสลิมที่มีหมายจับ ป.วิอาญาในพื้นที่ชายแดนภาคใต้นั้นอยู่ระหว่างการสอบสวน เนื่องจากการก่อเหตุมีลักษณะคล้ายพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยังบอกไม่ได้ว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่
สำหรับกรณีที่ผู้ก่อเหตุใช้โทรศัพท์ที่มีขายในประเทศมาเลเซียนั้น ตนเองได้ประสานกับทาง ผบ.ตร.มาเลเซียในทุกมิติ
"ต้องค่อยๆ ตัดไปทีละประเด็น ยังบอกอะไรล่วงหน้าไม่ได้ ยังไม่ชัดเจนเรื่องคนก่อเหตุจะให้ไปบอกว่าใครเป็นคนสั่งการไม่ได้" พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าว
ส่วนกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่จุดเสี่ยง 10 จุดใน กทม.นั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้คงหนีไม่พ้น ที่ผ่านมาก็มีความระมัดระวังอยู่แล้ว หลายครั้งสามารถลดการก่อเหตุรุนแรงได้แต่ไม่เป็นข่าว เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงเหมือนเป็นการทำงานแบบปิดทองหลังพระ