นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น และฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออก เฉียงเหนือ ได้แก่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และอุบลราชธานี ในช่วงวันที่ 24 – 25 สิงหาคม 2559 ปภ.จึงได้ประสานแจ้งเตือน 13 จังหวัดดังกล่าวให้เตรียมการเฝ้าระวังและรับมืออันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม รวมถึงประสานแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำริมน้ำไหลผ่าน และพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด หมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ จะได้อพยพหนีภัยทันท่วงที
กรณีสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง ให้พิจารณาอพยพประชาชนไปยังสถานที่ปลอดภัย หรือจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมดำเนินการตามขั้นตอนของแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และแผนปฏิบัติการฯ แผนเผชิญเหตุของอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแนวทางการจัดการสาธารณภัยในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ส่วนผลกระทบจากร่องมรสุมพาดผ่านและเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน และพายุโซนร้อนเตี้ยนหมู่ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม 8 จังหวัด ได้แก่ น่าน พะเยา เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ ลำปาง ตาก และเลย รวม 31 อำเภอ 109 ตำบล 550 หมู่บ้าน ผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 3 ราย โดยมีจังหวัดประกาศ เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ น่าน แม่ฮ่องสอน และพะเยา ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในอำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 320 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำเริ่มลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ คาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1 – 2 วันนี้
สำหรับระดับน้ำในแม่น้ำโขง บริเวณจังหวัดเชียงราย นครพนม มุกดาหาร และอุบลราชธานี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนบริเวณเลย และหนองคาย ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จึงได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร และมูลนิธิ เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยส่งเจ้าหน้าที่สำรวจความเสียหาย แจกจ่ายถุงยังชีพ และเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเบื้องต้น รวมถึงระดมสรรพกำลัง วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยปฏิบัติการซ่อมแซมสาธารณูปโภค ทั้งไฟฟ้า ประปา และระบบการสื่อสาร ให้ใช้งานได้ตามปกติ