นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยประเทศไทยมีมาตรการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถใช้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคระดับสูงสุดในพื้นที่ได้ทันทีที่ตรวจพบผู้ป่วย
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก(WHO) พบว่าสถานการณ์ความเสี่ยงโดยภาพรวมทั่วโลกไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่มีโอกาสพบเชื้อไวรัสซิกาได้ทั่วไปในภูมิภาคที่มีพาหะนำโรค ปัจจุบันมี 70 ประเทศทั่วโลกที่พบผู้ป่วยยืนยันโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งในบางประเทศก็มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาเช่นกัน
สำหรับประเทศไทยพบผู้ป่วยครั้งแรกเมื่อปี 2555 โดยในช่วงปี 2555-2558 พบรายงานผู้ป่วยกระจายทุกภาคและมีผู้ป่วยยืนยันเฉลี่ยปีละ 5 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องส่งตัวอย่างไปตรวจที่ต่างประเทศ แต่ปัจจุบันประเทศไทยสามารถตรวจเองได้ และในปี 2559 และนับตั้งแต่ต้นปีมีรายงานผู้ป่วยใน 16 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งสามารถควบคุมโรคได้ในเวลาที่เหมาะสม
ปัจจุบันมีเพียง 12 อำเภอ ใน 6 จังหวัด ที่มีรายงานผู้ป่วยและยังอยู่ในระยะควบคุมโรค 28 วัน และยังไม่พบผู้ป่วยได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก โดยในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วยรายใหม่ในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ เชียงใหม่ จันทบุรี เพชรบูรณ์ และบึงกาฬ ซึ่งกระทรวงฯ ได้ประสานความร่วมมือไปยังกระทรวงมหาดไทยให้สั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดในพื้นที่ 4 จังหวัดดังกล่าว
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในประเทศไทยขณะนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยยังมีรายงานพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกา และภายหลังดำเนินการควบคุมโรคอย่างเข้มข้นก็สามารถควบคุมโรคให้สงบลงได้ในเวลาที่เหมาะสม แต่ยังไม่พบการระบาดที่ต่อเนื่องยาวนาน และยังไม่พบผู้ป่วยได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก การที่ประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นการสะท้อนถึงมาตรการเฝ้าระวัง ระบบตรวจจับที่ดี การวินิจฉัยโรค และการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งระบบของประเทศไทยนั้นได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบเฝ้าระวังของประเทศไทยและติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงใช้มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสซิกาอย่างเข้มข้นในระดับสูงสุดต่อเนื่อง ส่วนการดำเนินงานของประเทศไทยได้ออกประกาศกำหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสซิกาเป็นโรคติดต่อโรคที่ต้องเฝ้าระวังตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดยมีมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรค 4 ด้าน ได้แก่ 1.การเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา 2.การเฝ้าระวังทางกีฏวิทยา 3.การเฝ้าระวังทารกแรกเกิดที่มีความพิการแต่กำเนิด และ 4.การเฝ้าระวังกลุ่มอาการทางระบบประสาท และต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานในพื้นที่ทุกภาคส่วน ร่วมดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรค ให้การสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ร่วมกัน หากพบผู้ป่วยให้จัดตั้งศูนย์ปฎิบัติการภาวะฉุกเฉิน(EOC) ทั้งระดับจังหวัดและระดับอำเภอ โดยเน้นดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมโรคเข้มข้นทั้งจังหวัดในระดับสูงสุดทันทีที่พบผู้ป่วย ถึงแม้ว่าจะมีรายงานผู้ป่วยจำนวนหนึ่งในบางอำเภอก็ตาม