นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2559 ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ยกร่างแก้ไขในเรื่องของการปฏิบัติตามการวินิจฉัยสั่งการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกหน่วยงาน รวมทั้งให้อำนาจผู้บังคับบัญชาที่กำกับดูแลหน่วยงานแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาความเสียหายได้
สำหรับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ฉบับเดิม มีแนวทางในการปฏิบัติคือ เมื่อข้าราชการกระทำผิด ส่วนราชการดำเนินการตามขั้นตอนและส่งให้กระทรวงการคลัง โดยคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่พิจารณา และเมื่อมีการวินิจฉัยประการใดแล้ว จะส่งกลับไปยังส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ ตามระเบียบฯ ข้อ 18 ซึ่งส่วนราชการจะออกคำสั่งตามการวินิจฉัยดังกล่าว แต่หากเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานรัฐอื่น สามารถใช้ดุลยพินิจเพื่อสั่งการตามที่เห็นสมควรได้ ทำให้การดำเนินการของหน่วยงานมีความแตกต่างกันเป็นจำนวนมาก จากข้อมูลในปัจจุบัน มีสำนวนของ อปท. จำนวน 594 เรื่อง คิดเป็นจำนวนความเสียหายประมาณ 1,250 ล้านบาท และมีสำนวนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 61 เรื่อง คิดเป็นจำนวนความเสียหายประมาณ 888 ล้านบาท
กรมบัญชีกลางเห็นว่า การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวควรปฏิบัติเช่นเดียวกันทุกหน่วยงาน จึงได้เสนอแก้ไขระเบียบนี้ เพื่อให้มีการปฏิบัติเป็นไปในแนวทางเดียวกันทุกหน่วยงานของรัฐ โดยกำหนดให้ส่วนราชการ อปท. รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานรัฐอื่น ต้องออกคำสั่งตามการวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ
นอกจากนี้ ได้เพิ่มแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดด้วย ในกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้นแล้ว หัวหน้าหน่วยงานต้นสังกัดใช้ดุลยพินิจที่จะตั้งกรรมการหรือไม่ก็ได้ หากหน่วยงานต้นสังกัดไม่ดำเนินการ ทางกรมบัญชีกลางก็ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้ ซึ่งระเบียบฯ ใหม่ ได้ปรับแก้ไขในกรณีดังกล่าว โดยหากมีความเสียหายเกิดขึ้นแต่หัวหน้าหน่วยงานต้นสังกัดไม่แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา ผู้บังคับบัญชาที่กำกับดูแลหน่วยงานนั้นๆ สามารถแต่งตั้งคณะกรรมการได้ ตามระเบียบฯ ข้อ 12/1 เช่น หากอธิบดีไม่ตั้งกรรมการสอบความเสียหาย ปลัดกระทรวงมีอำนาจในการแต่งตั้งกรรมการได้ เป็นต้น
"ขณะนี้ ครม.ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ต่อไปจะเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อใช้บังคับต่อไป คาดว่าจะประกาศได้ในสัปดาห์หน้า" นายมนัสกล่าว