สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง การติดดาบให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีอำนาจในการจัดการเลือกตั้ง โดยเมื่อถามว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ กรณี กกต.จะขอเพิ่มอำนาจให้ กกต., เลขาธิการกกต., ผอ.กกต.จังหวัด, พนักงานสืบสวนหรือกรรมการไต่สวนของกกต. สามารถออกหมายเรียก ตรวจค้น ยึด อายัด จับกุมซึ่งหน้าได้ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 42.06% เห็นด้วย เพราะเป็นการเพิ่มอำนาจให้ กกต.มีความเด็ดขาด ทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น เมื่อพบการกระทำผิดสามารถจัดการได้ทันที ช่วยป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง ผู้สมัครเกรงกลัวไม่กล้ากระทำผิด
ในขณะที่ประชาชนอีก 38.55% ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะทำให้ กกต. มีอำนาจมากเกินไป อาจใช้อำนาจในทางที่ผิด ควรให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ไม่มั่นใจในกระบวนการ อาจเกิดการทุจริต ไม่โปร่งใส ส่วนประชาชนอีก 19.39% ระบุว่าไม่แน่ใจ เพราะยังไม่ทราบรายละเอียด ควรศึกษาผลดี ผลเสียให้ชัดเจน ที่ผ่านมาประชาชนไม่มั่นใจในการทำงานของ กกต.มากนัก อาจมีช่องโหว่ให้เกิดการทุจริตได้
กรณีหากพบว่ามีการกระทำผิดในการเลือกตั้ง ส.ส. ส.ว. หรือเลือกตั้งท้องถิ่นให้ กกต. มีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง อาญา และว่าความในศาลได้ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 39.37% เห็นด้วย เพราะทำให้การพิจารณาคดีการทุจริตต่างๆ ดำเนินการได้รวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้น หากมีหลักฐานชัดเจนก็จะช่วยป้องกันการทุจริตได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ที่คิดจะกระทำผิดเกิดความเกรงกลัว
รองลงมา ประชาชน 35.79% ระบุว่า ไม่แน่ใจ เพราะอาจมีทั้งผลดีและผลเสีย ไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจนว่ามีอำนาจในการดำเนินการเพียงใด เป็นเพียงข้อเสนอของ กกต. ยังไม่ได้อนุมัติ ควรหาแนวทางป้องกันการทุจริตมากกว่า ขณะที่ประชาชน 24.84% ระบุว่าไม่เห็นด้วย เพราะหากมีการกระทำผิดควรให้เป็นอำนาจของศาลในการตัดสิน กกต. อาจมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมที่จะดำเนินการ กกต.ควรทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้มีความโปร่งใส เป็นที่ยอมรับ
กรณี กกต.ขอให้ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองต้องออกมาดีเบต หรือร่วมเวทีอภิปรายเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายของพรรคต่อสาธารณะ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 45.18% ระบุว่า เห็นด้วย เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์ แนวทางการทำงานตามนโยบายที่กำหนดไว้ ทำให้ประชาชนได้ทราบถึงเหตุผล มุมมองและความคิดเห็นต่างๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น อยากเห็นบุคลิก ท่าทางลีลาการพูดของแต่ละคน
รองลงมา ประชาชน 31.52% ระบุว่า ไม่แน่ใจ เพราะการดีเบตขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละคน เป็นเพียงข้อเสนอของ กกต. ฝ่ายเดียว ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ขณะที่ประชาชน 23.30% ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะอาจมีแต่การโต้เถียงกันไปมา ขุดคุ้ยเรื่องเก่า พูดพาดพิงผู้อื่นให้เสียหาย หวังแต่ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง อาจเป็นประเด็นทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาได้
เมื่อถามว่าประชาชนคิดว่าการที่จะติดดาบหรือเพิ่มอำนาจให้ กกต.จะช่วยให้การเลือกตั้งโปร่งใสมากขึ้นหรือไม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 47.15% ระบุว่า ไม่แน่ใจ เพราะยังไม่เคยมีการดำเนินการเช่นนี้มาก่อน ยังไม่ทราบผลที่จะตามมา ไม่รู้รายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไร ปัญหาการทุจริตแก้ไขได้ยาก
รองลงมาประชาชน 30.27% ระบุว่า ช่วยได้ เพราะการเพิ่มอำนาจให้ กกต. ช่วยให้การทำงานสะดวกรวดเร็วมากขึ้น สามารถดำเนินการได้ทันที ผู้ที่คิดจะกระทำผิดจะได้เกรงกลัว ทำให้การเลือกตั้งมีความโปร่งใสมากขึ้น ขณะที่ประชาชนอีก 22.58% ระบุว่าช่วยไม่ได้ เพราะการทุจริตเลือกตั้งมีทุกยุคทุกสมัย เป็นปัญหาทีสะสมมานาน อาจมีช่องโหว่ให้เกิดการทุจริต เจ้าหน้าที่ของรัฐอาจรู้เห็นเป็นใจ ไม่มั่นใจในมาตรฐานการทำงานของ กกต.
อนึ่ง ผลสำรวจดังกล่าว มาจากความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,315 คน ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 20-23 กันยายน 2559