นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมฯ จำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อให้มีพื้นที่รองรับปริมาณน้ำจากฝนที่จะตกลงมาอีก โดยจะปรับเพิ่มการระบายจากเดิมวันละ 20.75 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นวันละ 40 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปัจจุบัน (29 ก.ย.59) มีการระบายน้ำวันละ 32 ล้านลูกบาศก์เมตร และจะทยอยเพิ่มเป็น 40 ล้านลูกบาศก์เมตรภายในวันนี้
ปริมาณน้ำจะไหลมารวมกับปริมาณน้ำที่มาจากคลองชัยนาท-ป่าสัก บริเวณเหนือเขื่อนพระรามหก กรมฯ จะควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหกไม่เกิน 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยวันนี้มีน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหก 433 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่ด้านท้ายเขื่อนพระรามหกลงมาไปจนถึงจุดบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 1-1.50 เมตร
ส่วนในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง กรมฯ ใช้ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วยย่นระยะทางการไหลของน้ำจาก 18 กิโลเมตร เหลือเพียง 600 เมตร ทำให้สามารถระบายน้ำลงสู่อ่าวไทยได้เร็วมากขึ้นในช่วงที่น้ำลง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 59 เป็นต้นมา มีการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ไปแล้วทั้งสิ้น 82.19 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ กรมฯ ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังจังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และสุพรรณบุรี รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก นอกคันกั้นน้ำให้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำเอ่อล้นตลิ่งและเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดต่อไปแล้ว
สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 1,790 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และแม่น้ำสะแกกรัง 167 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที กรมฯ ยังคงระบายน้ำตอนบนลงสู่อ่าวไทยให้เร็วที่สุด เพื่อรองรับปริมาณฝนตกหนักในพื้นที่ภาคกลาง ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) ได้คาดการณ์ไว้ว่า ในช่วงวันที่ 28 ก.ย.-2 ต.ค.59 ความกดอากาศต่ำจะเคลื่อนตัวขึ้นไปบริเวณภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน ทำให้เกิดฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบนใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดมีปริมาณน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 1,998 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำด้านท้ายเจ้าพระยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 50-70 เซนติเมตร