พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ได้สั่งการให้กรมชลประทาน ผู้ว่าราชการจังหวัด ไปทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหา เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องถึงสาเหตุของปัญหาอุทกภัยว่าเกิดจากฝนตกหนัก มีน้ำนอกเขตชลประทานและนอกคันกั้นน้ำ และพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ส่งผลให้บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 6 แสนไร่ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาด้วยการระบายน้ำออกจากเขื่อนเพื่อรักษาระดับน้ำไว้ไม่ให้เกินกว่า 2,500 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเก็บน้ำไว้ให้นานที่สุด
นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าในบางพื้นที่จำเป็นต้องระบายน้ำออกทางทุ่งนา เพื่อทำเป็นแก้มลิงตามธรรมชาติ ซึ่งหากพื้นที่การเกษตรใด ได้รับความเสียหายก็จะหารือเพื่อกำหนดมาตรการเยียวยาตามหลักการ ซึ่งอาจพิจารณาให้เงินชดเชยเพิ่มมากกว่าไร่ละ 1,000 บาท โดยจะให้กระทรวงมหาดไทยเร่งพิจารณาและสำรวจพื้นที่โดยเร็วที่สุด
ด้าน พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (5 ต.ค.) นายกรัฐมนตรี และคณะ มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดชัยนาท เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยจะออกเดินทางเวลาประมาณ 12.00 น. ไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปสาถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จากผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่และมอบถุงยังชีพผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จำนวน 500 ครัวเรือน จากนั้นเดินทางต่อไปยังวัดโบสถ์ล่าง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อพบปะประชาชนและมอบถุงยังชีพ
สำหรับช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางไปยังเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท เพื่อรับฟังบรรยายสรุปรายงานสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากอธิบดีกรมชลประทาน และผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท รวมถึงรับฟังการเตรียมความพร้อมและการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยของจังหวัดชัยนาท จากอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี จะได้มีการติดตามสถานการณ์น้ำ ณ ห้องควบคุมและบริเวณสันเขื่อนเจ้าพระยา และพบปะเยี่ยมเยียนประชาชน รวมทั้งจะมีการมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยด้วย