นายณรงค์ ลีนานนท์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาว่า ปัจจุบันปริมาณน้ำในบริเวณอ.เมือง จ.นครสวรรค์ และแม่น้ำสะแกกรังเริ่มลดลงเหลือ 2,232 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และ 161 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีตามลำดับ ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเริ่มลดลงจากระดับสูงสุด +16.70 เมตร(ระดับน้ำทะเลปานกลาง) เหลือ +16.60 เมตร(ระดับน้ำทะเลปานกลาง) และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องชั่วโมงละ 1 เซนติเมตร กรมชลประทาน จะลดระดับน้ำหน้าเขื่อนลงให้คงเหลือระดับ +15.50 เมตร(ระดับน้ำทะเลปานกลาง)เพื่อไว้รองรับสถานการณ์น้ำตามที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกเพิ่มอีกในช่วงวันที่ 14 - 15 ต.ค. 2559 นี้ หลังจากนั้นจะเริ่มลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาลงตามลำดับ หากมีฝนตกไม่มากนัก
สำหรับสภาพน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 902 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 94 ของความจุอ่างฯ(ความจุเก็บกัก 960 ล้านลูกบาศก์เมตร) มีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อน 57.53 ล้านลูกบาศก์เมตร(ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสูงสุด 70 ล้านลูกบาศก์เมตร เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 59) ระบายน้ำในอัตรา 60.54 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ กรมชลประทานจะคงการระบายน้ำอีกไว้ในเกณฑ์นี้อีกประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้มีพื้นที่ว่างพอที่จะเก็บกักน้ำจากปริมาณฝน ที่คาดว่าตกหนักลงมาอีกในช่วงวันที่ 14 - 15 ต.ค. 2559 โดยจะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระราม 6 ประมาณ 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบกับพื้นที่อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา กรมชลประทาน ได้วางแผนเก็บกักน้ำให้เต็มเขื่อนในช่วงสิ้นตุลาคมเดือนนี้
ทั้งนี้ ปริมาณน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสักจะไหลมารวมกันที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจุดเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ ในอัตรา 2,172 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะไม่มีผลกระทบให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจ เนื่องจากความสามารถในการรับน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณตอนล่างอยู่ที่ 3,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที