พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงว่า หลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการมี 2 ประการ คือ การดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พุทธศักราช 2467 ตลอดจนตามพระราชประเพณี
ในส่วนของการสืบราชสันตติวงศ์ ซึ่งสอดคล้องกับเพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจะแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลไว้แล้ว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515 จากนั้น สนช.จะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
อีกประการหนึ่ง คือการเตรียมงานพระบรมศพในส่วนของรัฐบาล และประชาชนให้สมพระเกียรติยศ และสมกับความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ
ทั้งนี้ การดำเนินการ ทั้ง 2 ประการนี้ รัฐบาลจะแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบเป็นระยะต่อไป
ในช่วงเวลาต่อจากนี้ไป เป็นช่วงเวลาที่รัฐบาล และผู้เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการเรื่องต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมาย และราชประเพณี รัฐบาลจึงขอให้พี่น้องประชาชนทั้งหลายรับฟังข่าวสารอย่างเป็นทางการ จากหน่วยงานราชการ อย่าเชื่อข่าวที่ลือที่ไม่ปรากฏแหล่งอ้างอิง
พร้อมกันนี้ รัฐบาลขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนคนไทย แต่งกายถวายความอาลัย เป็นเวลาหนึ่งปี สถานที่ราชการลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน และทุกภาคส่วน ควรพิจารณางดการจัดงานรื่นเริงต่างๆ เป็นเวลา 30 วัน
ทั้งนี้ ท่านทั้งหลายอาจเข้าร่วมพิธีหรือจัดกิจกรรมทางศาสนาของตน ถวายเป็นพระราชกุศล หรือ จัดเป็นพระบรมราชานุสรณ์ อีกทั้งควรใช้โอกาสนี้ให้กำลังใจแก่กันและกัน เพราะเราทุกคนต่างก็มีหัวอกเดียวกัน เพราะมีพ่อของแผ่นดินร่วมกัน และโปรดช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง มิให้ผู้ใด ฉวยโอกาส แทรกเข้ามาก่อความขัดแย้งจนกลายเป็นความวุ่นวาย
ขอพี่น้องประชาชนทุกคน ร่วมส่งเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระบรมโกศ ด้วยการรักษาแผ่นดินของพ่อ ด้วยความรัก และความสามัคคี ตลอดไป
อนึ่ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 กำหนดให้บทบัญญัติของหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 ซึ่งยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 11/2557 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2557 ยังคงใช้บังคับต่อไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญนี้
และภายใต้บังคับมาตรา 43 วรรคหนึ่ง ที่ใดในบทบัญญัติดังกล่าวอ้างถึงรัฐสภาหรือประธานรัฐสภาให้หมายถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติหรือประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญนี้ แล้วแต่กรณี
ขณะที่รัฐธรรมนูญรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 หมวดที่ 2 มาตรา 23 กำหนดว่าในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 แล้วให้คณะรัฐมนตรีแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบ และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป แล้วให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบ