นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (เลขา ศอ.บต.) เปิดเผยภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งถึงเหตุการณ์ความไม่สงบหลายจุดในจังหวัดชายแดนภาคใต้วานนี้ว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้งานด้านการพัฒนาและความมั่นคงดำเนินการควบคู่กันไป ซึ่ง ศอ.บต. ก็มีโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคง
ในส่วนของความมั่นคงนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นผู้รับผิดชอบดูแล และในส่วนของ ศอ.บต.จะเน้นดูแลและเยียวยาเป็นหลัก ซึ่งเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ก็ต้องดูแลครอบครัวตามระเบียบด้วย โดยหากเสียชีวิตจะมีการจ่ายเยียวยาทันที 500,000 บาท ในส่วนของทรัพย์สิน ก็จะพิจารณาเยียวยาตามความเสียหาย โดยได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเข้าตรวจสอบ เพื่อรายงานตัวเลขมายัง ศอ.บต.เพื่อจ่ายเงินเยียวยาได้อย่างรวดเร็ว
ด้านนายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขานุการคณะผู้แทนรัฐบาลพิเศษ กล่าวถึงเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น เชื่อว่า เป็นความตั้งใจให้เกิดเหตุในช่วงเวลาเดียวกันของทุกปี แต่มีการเพิ่มระมัดระวังและการวางมาตรการในการป้องกันของหน่วยงานที่เป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น และมีประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการเฝ้าระวังการก่อเหตุในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งยืนยันว่าเหตุที่เกิดขึ้น ไม่ได้ก่อเหตุในวงกว้าง และมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะทราบตัวผู้ก่อเหตุ ภายใน24ชั่วโมง
"ในขณะนี้งานต่างๆมีความก้าวหน้า ได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ดีขึ้น และแม้ว่ายังมีการก่อเหตุอยู่ แต่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น"นายภาณุ กล่าว
ส่วนการที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะคณะผู้แทนรัฐบาลพิเศษ ได้มีการลงพื้นที่วานนี้ นายภาณุ ระบุว่า เพื่อทำความเข้าใจว่าคณะทำงานนี้ จะไม่มีการก้าวก่ายการทำงานปกติของทุกหน่วยงาน แต่จะเข้าไปเสริมเพื่อให้งานด้านต่างๆขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เช่น บูรณาการด้านงบประมาณ ซึ่งจากการลงพื้นที่พบว่าทุกภาคส่วนก็ขานรับแนวทางการขับเคลื่อนของคณะกรรมการชุดนี้ และจะร่วมกันทำงานให้ประสบความสำเร็จตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ นายศุภณัฐ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายว่าจะทำอย่างไรให้ ศอ.บต. ทำงานร่วมกับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าให้ได้ และต้องร่วมกันดำเนินการพัฒนาด้านต่างๆ ให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อเร่งสานต่องานให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ให้นายภาณุ ในฐานะอดีตเลขาธิการ ศอ.บต. เป็นพี่เลี้ยงของ ศอ.บต.ต่อไป และทำงานประสานกันเนื้อเดียวกัน โดยเน้นการทำงานที่มาจากความต้องการของประชาชนเพื่อจัดทำแผนงานตอบสนองกับประชาชน นอกจากนี้ทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจ พลเรือน และทหาร ต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน