สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงตอบรับคำกราบบังคมทูลอัญเชิญขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพวรางกูร" เมื่อเวลาประมาณ 19.16 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานวโรกาศให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา เข้าเฝ้า
ทั้งนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา นำความกราบบังคับทูลเชิญองค์รัชทายาทเสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์ จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชดำรัสตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช และเพื่อประโยชน์ของประชาชนไทยทั้งปวง
"ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฎิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา กล่าวในนามของปวงชนชาวไทยเชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ เป็นไปตามพระราชประสงค์ของบทบัญญัติของกฎมณเทียรบาล กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธานและเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนชาวไทยทั้งปวง"
หลังจากนั้น นายพรเพชร และ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจเพื่อแจ้งต่อประชาชนให้ทราบโดยทั่วไปว่า บัดนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงตอบรับคำกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จขึ้นครองราชย์สืบราชสันตติวงศ์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือเป็นรัชสมัยของพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 ตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.2559
พร้อมกันนั้น ยังมีการประกาศว่าในโอกาสที่ประธาน สนช.ทำหน้าที่ประธานรัฐสภาในนามของปวงชนชาวไทยได้กราบบังคมทูลอัญเชิญองค์รัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ตามกฎมณเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์นั้น ระหว่างที่ประชาชนยังมิได้ถวายปรมาภิไธยเนื่องในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามพระราชประเพณี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพวรางกูร"